ผลสำรวจจากบริษัทดีลอยท์ (Deloitte) ซึ่งเป็นสำนักงานตรวจสอบบัญชีของอังกฤษ ระบุว่า บรรดาบริษัทรายใหญ่ของอังกฤษวางแผนเพิ่มงบประมาณด้านการลงทุนในปี 2565 เพื่อให้สอดรับกับอุปสงค์อันแข็งแกร่งและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท่ามกลางภาวะขาดแคลนแรงงานที่เพิ่มมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ประมาณ 37% ที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้มองว่า การใช้จ่ายเงินทุนเพิ่มสูงขึ้นถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับปี 2565 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนสูงสุดนับตั้งแต่ดีลอยท์เริ่มทำการสำรวจรายไตรมาสในปี 2552 และเพิ่มขึ้นจาก 20% ในช่วงต้นปี 2564
หากบริษัทอังกฤษเหล่านี้เพิ่มการลงทุนตามที่มีการสำรวจดังกล่าว ก็อาจช่วยผ่อนคลายปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานจากประสิทธิภาพการผลิตอันอ่อนแอในอังกฤษ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะอัตราการลงทุนทางธุรกิจที่ต่ำกว่าประเทศร่ำรวยอื่น ๆ
"เหล่าซีเอฟโอมีแนวโน้มที่จะมองข้ามผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน และหันไปมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจของพวกเขาในปี 2565" นายเอียน สจ๊วต หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของดีลอยท์กล่าว
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความกังวลเกี่ยวกับเบร็กซิทและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มลดน้อยลง แต่บรรดาธุรกิจต่าง ๆ มองว่าภาวะขาดแคลนแรงงานเรื้อรังเป็นความเสี่ยงใหญ่ที่สุดสำหรับองค์กร ไม่ใช่การระบาดของโควิด-19 ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นชนวนให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นและฟองสบู่ของราคาสินทรัพย์นั้น ถือเป็นความเสี่ยงอันดับ 3 และ 4
เทคโนโลยีดิจิทัลถือเป็นภาคส่วนที่บรรดาธุรกิจคาดหวังจะเพิ่มการลงทุนมากที่สุดเมื่อเทียบกับก่อนการเกิดโรคระบาด รองลงมาคือประสิทธิภาพการผลิตทั่วไปและทักษะแรงงาน ส่วนโรงงานและเครื่องจักร ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด
ดีลอยท์จัดทำผลสำรวจดังกล่าวในระหว่างวันที่ 1-14 ธ.ค.และสัมภาษณ์ซีเอฟโอ 85 รายจากบริษัทจดทะเบียน 60 แห่งซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันราว 4.93 แสนล้านปอนด์ (6.69 แสนล้านดอลลาร์) และธุรกิจในเครือบริษัทต่างชาติรายใหญ่อีก 25 แห่ง