อดีตทูตสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "Squawk Box Asia" กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) ว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะเป็น "ความท้าทายที่ยากยิ่ง" สำหรับฮ่องกงที่ยังคงยึดนโยบายรักษาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดให้เป็นศูนย์หรือ Zero-Covid
นายเคิร์ต ตง อดีตกงสุลใหญ่ของสหรัฐและอดีตหัวหน้าคณะทูตในฮ่องกงและมาเก๊า แสดงความคิดเห็นว่า คนฮ่องกงมีแนวโน้มจะคัดค้านต่อมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากโอมิครอนดูจะมีความรุนแรงน้อยกว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อื่น ๆ
ทั้งนี้ รัฐบาลฮ่องกงเริ่มออกมาตรการสกัดโควิด-19 ที่เข้มงวด อาทิ การสั่งปิดบาร์, โรงหนัง และศูนย์ฟิตเนส ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (7 ม.ค.) และจะมีผลจนถึงวันที่ 20 ม.ค.
นายตงกล่าวว่า Zero-Covid นั้นทำสำเร็จได้ยาก เนื่องจากโอมิครอนแพร่ระบาดได้ง่าย และ "จะมีแรงกดดันทางการเมืองมากขึ้น" เพื่อคัดค้านรัฐบาลไม่ให้ออกมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันเรื่องที่ถือว่าเป็นเพียงความเสี่ยงเล็กน้อยสำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้ว
นายตงกล่าวถึงข้อมูลจากรัฐบาลฮ่องกง ซึ่งระบุว่า ประชาชนชาวฮ่องกงราว 70% ฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว อย่างไรก็ดี "ผู้สูงอายุจำนวนมาก" ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
"รัฐบาลยึดมั่นใน Zero-Covid อย่างเต็มที่ และถอยจากแนวทางดังกล่าวไม่ได้ ไม่ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม หากไม่ได้มีคำสั่งมาจากกรุงปักกิ่ง ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าจะมีมา"
สำหรับความรู้สึกของประชาชนและภาคธุรกิจที่มีต่อกลยุทธ์ Zero-Covid นั้น นายตงกล่าวว่า "หลัก ๆ คือรู้สึกไม่มีความสุข แต่ก็ต้องยอมจำนนด้วย"
อนึ่ง นายตงกล่าวว่า ประชาชนเข้าใจว่าฮ่องกงต้องการเปิดพรมแดนกับจีนแผ่นดินใหญ่ จึงจำเป็นต้องยอมทำตามนโยบาย Zero-Covid ด้วย