ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศให้คำมั่นที่จะดำเนินการต่าง ๆ เพื่อกดดันราคาน้ำมันให้ลดลง ถึงแม้จะไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันก็ตาม หลังราคาน้ำมันพุ่งสูงแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
"เราจะพยายามเพิ่มซัพพลายน้ำมันที่เรามี แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก" ปธน.ไบเดนกล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว
ล่าสุดสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปิดที่ 88.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2557 ทั้งยังเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปลายเดือนพ.ย. 2564 จึงทำให้หลายฝ่ายคาดว่า ราคาน้ำมันดิบน่าจะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในเร็ว ๆ นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด และลดอิทธิพลของโอเปกในการกำหนดราคาน้ำมัน โดยร่วมมือกับอินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีน
"จะเห็นได้ว่า การดำเนินการดังกล่าวได้ดึงราคาน้ำมันได้ 12-15 เซ็นต์ต่อแกลลอน หรือมากกว่านั้นในบางพื้นที่" ปธน.ไบเดนกล่าว "แต่คงยังต้องดูกันต่อไปว่าราคาน้ำมันจะยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อไปหรือไม่ รวมถึงผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตน้ำมัน"
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อความนิยมของปธน.ไบเดน ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำหรับพรรคเดโมแครตที่ต้องการคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในการเลือกตั้งช่วงเดือนพ.ย.ปีนี้