นายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ว่า ฝรั่งเศสจะเลิกบังคับให้ทำงานจากที่บ้านตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.เป็นต้นไป และอนุญาตให้ไนท์คลับเปิดทำการอีกครั้งได้ในอีก 2 สัปดาห์ให้หลัง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยทั่วไปในประเทศเริ่มดีขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะยกเลิกการจำกัดจำนวนคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสนามกีฬาและสถานบันเทิง และจะไม่บังคับให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้านตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. เป็นต้นไป
นอกจากนี้ รัฐบาลจะอนุญาตให้ประชาชนรับประทานอาหารและเครื่องดื่มในโรงภาพยนตร์ได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. เป็นต้นไป และอาจผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิดในโรงเรียนหลังผ่านช่วงวันหยุดฤดูหนาว ซึ่งเดิมกำหนดให้เด็กนักเรียนต้องสวมหน้ากากอนามัยในชั้นเรียน
อย่างไรก็ตาม นายกัสเต็กซ์กล่าวว่า บัตรผ่านวัคซีน (Vaccine Pass) ซึ่งกำหนดให้ประชาชนต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนก่อนเข้าสู่ที่สาธารณะ เช่น ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, โรงภาพยนตร์ และรถไฟทางไกลนั้น จะมีผลบังคับใช้ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. เป็นต้นไป
นายกัสเต็กซ์กล่าวในการแถลงข่าวว่า รัฐบาลอาจยกเลิกบัตรผ่านวัคซีนได้ในภายหลัง หากความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนจากโรคโควิด-19 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ นายโอลิวิเยร์ เวรอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าโรงพยาบาลต่าง ๆ มีภาระงานมากน้อยเพียงใด
"การระบาดระลอกที่เชื่อมโยงกับสายพันธุ์เดลตาลดลงทุกที่อย่างเห็นได้ชัด" ขณะเดียวกัน การระบาดระลอกที่เกิดจากโอมิครอนนั้น "เริ่มชะลอตัวในภูมิภาคที่สายพันธุ์นี้จู่โจมครั้งแรกเมื่อปลายเดือนธ.ค." นายกัสเต็กซ์กล่าว
อนึ่ง ฝรั่งเศสรายงานพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 425,000 รายเมื่อวานนี้ โดยผู้ป่วยโรคโควิดในห้องไอซียูมีจำนวนคงที่แล้ว ซึ่งเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้วางแผนรับมือต่อไป