เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงบรัสเซลล์ของเบลเยียมใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตาเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาประท้วงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 ม.ค.)
ตำรวจระบุว่า มีผู้ประท้วงออกมารวมตัวบนถนนในกรุงบรัสเซลล์ของเบลเยียมถึง 50,000 ราย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม หลังจากการประท้วงทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ประท้วงขว้างปาถังขยะ สิ่งกีดขวาง และอาวุธอื่น ๆ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
รายงานระบุว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ชุมนุมประมาณ 70 ราย ขณะที่ตำรวจ 3 รายและผู้ประท้วง 12 รายได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
สำนักข่าวเบลก้ารายงานว่า นายอาเล็กซันเดอร์ เดอ โกร นายกรัฐมนตรีเบลเยียม ได้ออกมาแถลงหลังจากเหตุประท้วงว่า "สังคมของเราจะไม่มีวันยอมรับความรุนแรงที่มืดบอด"
ขณะเดียวกัน นายฟิลลิปป์ โคลส นายกเทศมนตรีกรุงบรัสเซลส์ ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ว่า "วันนี้เป็นวันที่แย่ในกรุงบรัสเซลส์ ไม่มีเหตุผลใดที่จะแก้ต่างถึงการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกเป็นเหยื่อได้ หลังจากปรึกษากับอัยการของกษัตริย์ เราจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด"
นอกจากนี้ ผู้จัดการชุมนุมได้เรียกร้องให้มีการเปิดการอภิปรายสาธารณะเกี่ยวกับมาตรการอย่างแท้จริง รวมถึงเชิญผู้ชุมนุมจากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคยุโรปเข้าร่วมชุมนุม ได้แก่ ผู้ชุมนุมจากเนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, ฝรั่งเศส, และโรมาเนีย
ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเบลเยียมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ม.ค.) รัฐบาลได้ประกาศเปิดตัวมาตรวัดโควิด เพื่อวัดระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาด มาตรวัดนี้ประกอบด้วยรหัส 3 สี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 ม.ค.