แอร์ไลน์ฟอร์อเมริกา (A4A) ซึ่งเป็นตัวแทนสายการบินรายใหญ่ต่าง ๆ ตลอดจนสมาคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ กว่า 20 แห่งที่เป็นตัวแทนของสายการบิน โรงแรม สนามบิน และผู้ผลิตเครื่องบิน ร่วมลงนามในจดหมายแสดงข้อเรียกร้องดังกล่าว ส่งถึงนายเจฟฟ์ เซียนท์ส ผู้ประสานงานด้านการรับมือกับไวรัสโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว
จดหมายดังกล่าวให้เหตุผลที่ควรยกเลิกข้อบังคับว่า ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อมีกระจายอยู่ทั่วไปในทั้ง 50 รัฐอยู่แล้ว และปัจจุบันก็มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับสูง รวมถึงมียารักษาตัวใหม่แล้วด้วย
จดหมายดังกล่าวระบุว่า ข้อบังคับการตรวจหาเชื้อเป็นเรื่องยุ่งยากมากเกินไปสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้วและเป็นตัวขัดขวางการท่องเที่ยวอีกด้วย พร้อมยกตัวอย่างว่า สหราชอาณาจักรจะยกเลิกข้อบังคับการตรวจโควิด-19 สำหรับผู้โดยสารจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้ว ตั้งแต่ 11 ก.พ.เป็นต้นไป
"การยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้การท่องเที่ยวและการบินในสหรัฐและทั่วโลกฟื้นตัวได้อย่างมาก โดยไม่ทำให้โควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ แพร่กระจายมากขึ้น" จดหมายดังกล่าวระบุ
ก่อนหน้านี้ คณะบริหารภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกนโยบายในเดือนม.ค. 2564 โดยกำหนดให้ผู้โดยสารเครื่องบิน รวมถึงพลเมืองสหรัฐ ต้องแสดงหลักฐานผลการตรวจโควิดเป็นลบภายใน 3 วันก่อนออกเดินทาง
ต่อมาในเดือนธ.ค. คณะบริหารของปธน.โจ ไบเดน เพิ่มความเข้มงวดในนโยบายดังกล่าวโดยลดระยะเวลาจากเดิม 3 วัน เหลือเพียง 1 วันก่อนออกเดินทาง ซึ่งมีขึ้น 1 เดือนหลังจากที่สหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจากยุโรป จีน บราซิล อินเดีย และสหราชอาณาจักร เดินทางเข้าสหรัฐ
อย่างไรก็ดี การเดินทางภายในประเทศ ซึ่งช่วยให้สายการบินต่าง ๆ ฟื้นตัวจากการขาดทุนครั้งประวัติการณ์ในปี 2563 นั้น ยังคงเป็นที่ต้องการมากกว่าการเดินทางระหว่างประเทศ