สมาคมการท่องเที่ยวสหรัฐ (U.S. Travel Association) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19, การบังคับสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน และในระบบเดินทางภายในวันที่ 18 เม.ย.นี้
สมาคมฯ ได้ยื่นจดหมายถึงนายแพทย์อาชิช จาห์ ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานการรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว โดยเรียกร้องให้รัฐบาลยุติมาตรการตรวจหาเชื้อก่อนออกเดินทางสำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศซึ่งฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว รวมถึงยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินก่อนวันที่ 18 เม.ย.นี้ หรือประกาศแผนและกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยภายใน 90 วัน
ทั้งนี้ คณะบริหารของปธน.ไบเดนได้ประกาศขยายเวลาบังคับใช้มาตรการสวมหน้ากากอนามัยสำหรับผู้โดยสารบนเครื่องบิน, รถไฟ และในระบบเดินทางอื่น ๆ ไปจนถึงวันที่ 18 เม.ย.นี้ ตามที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้แนะนำ ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการเดินทางด้วยเครื่องบินของสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ CDC เผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ประชากรสหรัฐ 99.5% อยู่ในพื้นที่ซึ่งโรคโควิด-19 ระบาดต่ำมากพอที่จะไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย
จดหมายดังกล่าวยังระบุว่า ภาคการท่องเที่ยวได้ขอให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ยกเลิกคำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว รวมถึงขอให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลีกเลี่ยงการออกคำสั่งห้ามเดินทางในบางประเทศในอนาคตด้วย โดยปัจจุบันนั้น CDC เตือนชาวอเมริกันให้เลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศและดินแดนราว 120 แห่ง
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังขอให้รัฐบาลกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาเพื่อให้เข้ากับยุคนิวนอร์มอล โดยขอให้ยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ที่เหลืออยู่ทั้งหมดภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งรวมถึงการบังคับให้ผู้มาจากต่างประเทศต้องฉีดวัคซีนและตรวจหาเชื้อ