นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ออกประกาศเตือนว่า คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือใหม่ที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงทางอาญา ซึ่งทางหน่วยงานกำกับดูแลของอังกฤษพยายามที่จะปราบปราม
นายเบลีย์กล่าวปราศรัยในการประชุม "Stop Scams" ที่ BoE จัดขึ้น โดยเขาระบุว่า เทคโนโลยีคริปโทเคอร์เรนซีก่อให้เกิดนวัตกรรมมากมายสำหรับบริการด้านการเงิน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพใช้ประโยชน์ด้วย
"เราเพียงแค่ต้องพิจารณาว่าส่วนใหญ่แล้วมิจฉาชีพเบื้องหลังการโจมตีเรียกค่าไถ่มักเรียกร้องให้เหยื่อจ่ายเงินด้วยวิธีใด ซึ่งคำตอบก็คือคริปโทเคอร์เรนซี" นายเบลีย์กล่าว
นอกจากนี้ นายเบลีย์ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ใช้คริปโทเคอร์เรนซีบางส่วนทำราวกับว่าไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายระดับประเทศ
"ผู้ใช้คริปโทเคอร์เรนซีบางส่วนมองว่าตนไม่ควรได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เพราะประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับโลกของพวกเขา ผมเสียใจด้วย แต่โลกนี้ก็เป็นโลกของพวกคุณเช่นกัน เราทุกคนล้วนอยู่ในโลกใบเดียวกัน" นายเบลีย์กล่าว
ทั้งนี้ นายเบลีย์เรียกร้องให้ธนาคาร, บริษัทด้านเทคโนโลยี และหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ร่วมมือกับ BoE แก้ปัญหาการหลอกลวงที่มุ่งหาประโยชน์จากผู้บริโภค แต่เขาก็ยอมรับว่าเรื่องนี้อาจเป็น "ภารกิจที่ไม่มีวันจบสิ้น"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (FCA) ได้ขยายกำหนดเวลาการรับรองธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีในอังกฤษ ซึ่งทำให้บริษัทกว่า 10 แห่งมีเวลาเพิ่มขึ้นในการยื่นขอการรับรองหรือปรับปรุงการทำงานให้เป็นไปตามระเบียบด้านการป้องกันการฟอกเงินของอังกฤษ
จนถึงขณะนี้ มีบริษัท 33 แห่งที่ขึ้นทะเบียนถาวรกับ FCA ซึ่งจะอนุญาตให้บริษัทให้บริการด้านคริปโทเคอร์เรนซีในอังกฤษต่อไปได้หลังจากวันที่ 1 เมษายน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า FCA จะมีการประกาศขยายเวลาแล้ว แต่บรรดาธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีในอังกฤษก็ได้เตือนว่า บริษัทต่าง ๆ อาจย้ายฐานธุรกิจไปที่อื่นหากไม่ได้รับการรับรองจาก FCA