นายเบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ กล่าวว่า เหตุการณ์โจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก์ของยูเครน ถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามอีกครั้งหนึ่งของรัสเซีย
"การโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม นี่เป็นการใช้ขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูงในการโจมตีประชาชนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม" นายวอลเลซกล่าว
นายวอลเลซยืนยันว่า เขาจะทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินประสบความพ่ายแพ้ในยูเครน พร้อมกับคาดการณ์ว่าสงครามครั้งนี้จะยิ่งทำให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มีสมาชิกเข้าร่วมมากขึ้น
ด้านนางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจต่อรายงานข่าวดังกล่าว "การโจมตีเป้าหมายพลเรือนถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งรัสเซียและปูตินจะต้องรับผิดชอบ"
นายปาฟโว คีรีเลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ของยูเครน กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียใช้ "คลัสเตอร์บอมบ์" ถล่มสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 39 ราย "ในตอนแรกกองทัพรัสเซียโจมตีรางรถไฟ แต่ตอนนี้รัสเซียได้หันมาโจมตีประชาชนโดยการยิงขีปนาวุธที่บรรจุคลัสเตอร์บอมบ์ นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าการโจมตีครั้งนี้เล็งเป้าหมายไปที่พลเรือน" นายคีรีเลนโกกล่าว
ทั้งนี้ คลัสเตอร์บอมบ์เป็นระเบิดที่ทิ้งจากอากาศยาน หรือยิงจากภาคพื้นดิน โดยตัวหัวรบจะบรรจุลูกระเบิดย่อย ซึ่งเมื่อหัวรบหลักอยู่เหนือเป้าหมาย ตัวเปลือกหุ้มจะถูกสลัดออก และปล่อยลูกระเบิดย่อยออกมา ทำให้เกิดการทำลายล้างเป็นบริเวณกว้างต่อบุคคล สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงระบบสื่อสารต่างๆ
การรถไฟยูเครนแถลงว่า ชาวยูเครนจำนวนกว่า 30 รายได้เสียชีวิต และบาดเจ็บกว่า 100 ราย หลังสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก์ถูกโจมตีด้วยจรวด ขณะที่พลเรือนจำนวนมากกำลังรอขึ้นรถไฟเพื่ออพยพหนีภัยสงคราม
"เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการจงใจโจมตีต่อสถานีรถไฟและประชาชนในเมืองครามาทอร์สก์" แถลงการณ์ระบุ
อย่างไรก็ดี รัสเซียปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่ากองทัพไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน