นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลา เตือนว่า ประเทศญี่ปุ่นอาจจะสูญสิ้นหากอัตราการเกิดของประชากรยังคงลดต่อเนื่อง โดยนายมัสก์โพสต์คำเตือนดังกล่าวบนทวิตเตอร์เพื่อเป็นการแสดงความเห็นหลังจากสำนักข่าวเกียวโดเผยแพร่บทความที่ว่า จำนวนประชากรของญี่ปุ่นลดลงมากเป็นประวัติการณ์ในปี 2564
"ความเสี่ยงในขณะนี้ก็คือ การมีอยู่ของประเทศญี่ปุ่นอาจจะสิ้นสุดลง ซึ่งจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของโลก เว้นแต่ว่าจะมีบางสิ่งที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้อัตราการเกิดสูงกว่าอัตราการเสียชีวิต" นายมัสก์ระบุในทวิตเตอร์
ก่อนหน้านี้ นายมัสก์กล่าวไว้หลายครั้งว่า จำนวนประชากรโลกที่ลดลงอย่างรุนแรงอาจเป็นความเสี่ยงร้ายแรงที่สุดต่ออารยธรรมมนุษย์
สำหรับบทความของสำนักข่าวเกียวโดที่นายมัสก์ทวีตตอบนั้นระบุว่า ประชากรญี่ปุ่นลดลงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 644,000 คน สู่ระดับ 125.5 ล้านคนในปี 2564 โดยเป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานถึง 11 ปี นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นการหดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2493 ที่เริ่มมีการทำข้อมูลเปรียบเทียบ
ข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นมียอดการเกิด 831,000 คนในปี 2564 แต่มียอดการเสียชีวิตสูงถึง 1.44 ล้านคน
นอกจากอัตราการเสียชีวิตที่มากกว่าอัตราการเกิดแล้ว ญี่ปุ่นยังมีประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปถึงเกือบ 29% ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มีประชากรอายุต่ำกว่า 14 ปีเพียง 11.8% ซึ่งต่ำเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ญี่ปุ่นเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ จำนวนประชากรที่ลดลงในปี 2564 ยังสะท้อนถึงจำนวนชาวต่างชาติที่น้อยลงอีกด้วย เนื่องจากมาตรการควบคุมพรมแดนเพื่อสกัดโรคโควิด-19
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นประสบปัญหาประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นและแรงงานที่ลดลงมาเป็นเวลานานแล้ว และหวังที่จะแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนโดยเพิ่มจำนวนแรงงานต่างชาติผ่านการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านวีซ่า