คณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับอาวุโสของจีนเปิดเผยผ่านวารสารการแพทย์เดอะแลนเซต (The Lancet) ว่า มาตรการโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) อันเข้มงวดของจีนนั้นยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะโรคระบาดและซื้อเวลาในการเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีน รวมถึงพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ ๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่า นครเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีประชากร 25 ล้านคนบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์มาเกือบ 6 สัปดาห์แล้ว ในขณะที่ต่อสู้กับการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของโรคโควิด-19 ในประเทศ แต่รัฐบาลไม่ใส่ใจกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ โดยย้ำว่า นโยบายดังกล่าวยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
คณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนครเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า บทบาทสำคัญของเซี่ยงไฮ้ที่มีต่อเศรษฐกิจของชาตินั้น ทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ได้
"ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจชั้นนำและเมืองเปิดของจีน เซี่ยงไฮ้มีการแลกเปลี่ยนอย่างมหาศาลกับเมืองและภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ ดังนั้น หากปล่อยให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปยังสถานที่อื่น ๆ ย่อมก่อให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงแบบคาดไม่ถึง" คณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งรวมถึงนายจาง เหวินหง ที่ปรึกษาด้านการรักษาโรคโควิด-19 ของทางการในนครเซี่ยงไฮ้กล่าว
คณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กล่าวว่า การบังคับใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างเป็น "พลวัต" ของเซี่ยงไฮ้จะช่วยให้สามารถ "เอาชนะอุปสรรคด้านการสร้างภูมิคุ้มกันในหมู่ประชากรทั่วประเทศ" โดยบ่งชี้ถึงประชาชนอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 49 ล้านคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้กล่าวเสริมว่า วัคซีนชนิดใหม่ที่พัฒนาเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะจะพร้อมใช้งานในเร็ววันนี้ แต่จีนยังจำเป็นต้องผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มบุคคลที่มีความเปราะบาง