เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนกราดยิงผู้คนในโรงงานของบริษัทโคลัมเบีย แมชีน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองสมิธส์เบิร์ก รัฐแมรีแลนด์ของสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 4 ราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น.ตามเวลาไทยในวันนี้
โฆษกสำนักงานนายอำเภอเขตวอชิงตันเคาตี้เปิดเผยว่า คนร้ายซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อ ได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐแมรีแลนด์ โดยทั้งคนร้ายได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผลที่ถูกยิง อย่างไรก็ดี โฆษกยืนยันว่า การก่อเหตุครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชุมชนในละแวกโรงงานดังกล่าว
เหตุกราดยิงส่งผลให้การดำเนินงานในโรงงานของบริษัทโคลัมเบีย แมชีนต้องสะดุดลง ขณะที่โฆษกของบริษัทยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว โดยบริษัทโคลัมเบีย แมชีน เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้อุตสาหกรรมการผลิตและจัดส่งให้กับลูกค้าในกว่า 100 ประเทศ
ทางด้านสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการกราดยิงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ได้เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมเมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส และเกิดเหตุกราดยิงในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 14 พ.ค. โดยคนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมเมืองยูวัลดีและคนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงในเมืองบัฟฟาโล ต่างก็มีอายุเพียง 18 ปี และใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 เช่นเดียวกัน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 มิ.ย.) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมาย "Protecting Our Kids Act" ซึ่งกำหนดว่าผู้ที่มีสิทธิ์ซื้ออาวุธปืนจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 18 ปี นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังห้ามไม่ให้จำหน่ายปืนแม็กกาซีนที่บรรจุกระสุนได้จำนวนมาก และกำหนดกฎข้อบังคับใหม่เกี่ยวกับการเก็บปืนไว้ที่บ้านอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ดี การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาและมีจุดยืนต่อต้านกฎหมายควบคุมอาวุธปืน อาจจะทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบในวุฒิสภา