อดีตพนักงาน 2 รายยื่นฟ้องบริษัทเทสลาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 มิ.ย.) ในรัฐเท็กซัส โดยให้เหตุผลว่า การที่บริษัทตัดสินใจปลดพนักงานเป็นจำนวนมากเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐ เนื่องจากบริษัทไม่ได้ดำเนินการแจ้งล่วงหน้า
โจทก์คือพนักงาน 2 รายซึ่งกล่าวว่าตนถูกเลิกจ้างจากโรงงานกิกะแฟกตอรีของเทสลาในเมืองสปาร์กส์ รัฐเนวาดาในเดือนมิ.ย.นี้ โดยในคดีความระบุว่ามีพนักงานมากกว่า 500 คนในโรงงานแห่งนี้ที่ต้องตกงาน
พนักงานทั้งสองอ้างว่า บริษัทไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐบาลกลางในเรื่องการปลดพนักงานจำนวนมากที่กำหนดให้ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วันภายใต้รัฐบัญญัติว่าด้วยการแจ้งเกี่ยวกับการฝึกอบรมและการปรับเปลี่ยนแรงงาน (Worker Adjustment and Retraining Notification Act)
พนักงานทั้งสองจะฟ้องคดีในนามกลุ่มอดีตพนักงานเทสลาทุกคนในสหรัฐที่ถูกเลิกจ้างในเดือนพ.ค.-มิ.ย.โดยไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้า
"เทสลาเพียงแค่แจ้งพนักงานว่าการเลิกจ้างจะมีผลบังคับใช้ทันที" ฝ่ายโจทก์กล่าว
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลากล่าวว่า เขารู้สึกแย่มากเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และเตือนว่าเทสลาจำเป็นต้องปรับลดพนักงานลง 10%
ทั้งนี้ มีพนักงานเทสลามากกว่า 20 รายที่เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าตนถูกเลิกจ้าง ลอยแพ หรือยุติสัญญาภายในเดือนนี้