เจดีพาวเวอร์ (J.D. Power) บริษัทที่ปรึกษาด้านยานยนต์เปิดเผยว่า คุณภาพรถยนต์ที่จัดจำหน่ายในสหรัฐปี 2565 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 36 ปี เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานและอุปสรรคด้านอุปทานยังคงส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์อย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่กำลังประสบปัญหาในการจัดการกับห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักและการขาดแคลนพนักงานในโรงงานตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2563
ผลการศึกษาข้อมูลจากผู้ซื้อและผู้เช่ารถยนต์รุ่นปี 2565 จำนวน 84,165 รายบ่งชี้ว่า อัตราของปัญหาที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์ 100 คัน (PP100) เพิ่มขึ้น 11% โดยได้คะแนน 18 PP100 ซึ่งแย่กว่าปีที่แล้ว ทั้งนี้ คะแนนที่ยิ่งน้อยยิ่งสะท้อนถึงคุณภาพรถที่สูงขึ้น
ในส่วนของรถยนต์จากบริษัทเทสลา อิงค์ ที่ได้รวมอยู่ในการศึกษาข้อมูลเป็นครั้งแรก ทำคะแนนได้ 226 PP100 เมื่อเทียบกับรถยนต์โพลสตาร์ ซึ่งได้คะแนน 328 PP100 ส่วนรถยนต์บิวอิคจากบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ทำคะแนนได้ 139 PP100
รายงานระบุว่า รถบิวอิคจากบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส มีคะแนนสูงสุดในด้านการปรับปรุงคุณภาพเบื้องต้นเมื่อเทียบกับบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมด ขณะที่รถยนต์ไครสเลอร์จากบริษัทสเตลแลนติสอยู่ในอันดับรั้งท้าย
อย่างไรก็ดี นายเดวิด อาโมดิโอ ผู้อำนวยการฝ่ายยานยนต์ระดับโลกของเจดีพาวเวอร์ได้ให้ความเห็นว่า "จากความท้าทายมากมายที่ผู้ผลิตรถยนต์และผู้จัดจำหน่ายต้องเผชิญในปีที่ผ่านมา การที่คุณภาพเบื้องต้นของรถยนต์ไม่ได้ลดต่ำลงไปมากกว่านี้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายเล็กน้อย"
นอกจากนี้ รายงานยังเปิดเผยอีกว่า เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) พูดถึงปัญหารถยนต์ของพวกเขามากกว่า เมื่อเทียบกับเจ้าของรถยนต์รุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE)
ทั้งนี้ ผลสำรวจคุณภาพรถยนต์ของเจดีพาวเวอร์เก็บข้อมูลตั้งแต่ช่วงแรกที่ผู้ซื้อครอบครองรถยนต์รุ่นปี 2565 โดยเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนก.พ.จนถึงเดือนพ.ค.