รัฐบาลเขตปกครองพิเศษมาเก๊าสั่งล็อกดาวน์โรงแรมแกรนด์ ลิสบัว (Grand Lisboa) ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในมาเก๊า หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 10 รายในโรงแรมดังกล่าวเมื่อวันอังคาร (5 ก.ค.) ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในมาเก๊าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลมาเก๊าได้สั่งล็อกดาวน์อาคารต่าง ๆ อย่างน้อย 16 แห่ง โดยไม่อนุญาตให้มีการเข้าและออกจากพื้นที่ และได้สั่งกักตัวประชาชนกว่า 13,000 คน หลังจากเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มระบาดครั้งแรกในมาเก๊า โดยนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. มาเก๊าพบผู้ติดเชื้อกว่า 900 ราย
ทั้งนี้ โรงแรมแกรนด์ ลิสบัว เป็นโรงแรมกาสิโนแห่งที่ 2 ที่ถูกล็อกดาวน์ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ โดยโรงแรมแห่งนี้บริหารงานโดยบริษัทเอสเจเอ็ม โฮลดิงส์ และก่อตั้งโดยนายสแตนลีย์ โฮ อดีตมหาเศรษฐีของมาเก๊าซึ่งได้เสียชีวิตในปี 2563 นอกจากนี้ โรงแรมแกรนด์ ลิสบัว ยังเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมาเก๊า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้ว่ารัฐบาลมาเก๊าไม่ได้สั่งล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบเหมือนกับเมืองต่าง ๆ ของจีนเช่นเซี่ยงไฮ้ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนใหญ่ได้ถูกสั่งปิด และร้านอาหารสามารถให้บริการอาหารเฉพาะสั่งกลับบ้านเท่านั้น ขณะที่ประชาชนได้ถูกขอให้อยู่แต่ในบ้านและเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ครั้งในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี มีเพียงธุรกิจกาสิโนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ยังคงเปิดดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงด้านแรงงาน เนื่องจากรัฐบาลมาเก๊าต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมกาสิโน โดยรายได้กว่า 80% ของรัฐบาลมาจากอุตสาหกรรมดังกล่าว