ในระหว่างการประชุมกับประธานาธิบดียาอีร์ ลาปิด ผู้นำอิสราเอล ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐให้คำมั่นว่า สหรัฐจะไม่อนุญาตให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และจะทำงานร่วมกับพันธมิตรรายอื่นเพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากอิหร่าน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปธน.ไบเดนซึ่งเดินทางมายังภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2564 และปธน.ลาปิดยังได้หารือทางออนไลน์กับผู้นำจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอินเดียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาคตะวันออกกลางและภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
ปธน.ไบเดนระบุในแถลงการณ์ร่วมกับปธน.ลาปิดว่า การสร้างความมั่นใจว่าอิหร่านไม่ได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เป็นผลประโยชน์ด้านความมั่นคงที่สำคัญสำหรับทั้งอิสราเอลและสหรัฐ นอกเหนือจากส่วนอื่นของโลก
คำปฏิญาณดังกล่าวถูกระบุในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐและอิสราเอล ซึ่งลงนามโดยผู้นำทั้ง 2 ชาติ หลังการเจรจาที่เยรูซาเลม และมีขึ้นเพื่อแก้ไขข้อกังวลของรัฐบาลอิสราเอลเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 ที่ฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดนหวังว่าจะฟื้นฟูอีกครั้ง
ภายใต้ข้อตกลงที่หยุดชะงักร่วมกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐ, รัสเซีย, จีน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ และเยอรมนีนั้น อิหร่านตกลงที่จะระงับโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) ปธน.ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐยินดียอมรับความเป็นผู้นำของอิหร่านที่จะกลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งรู้จักกันในชื่ออย่างเป็นทางการว่าแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (Joint Comprehensive Plan of Action ? JCPOA)