เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (UN) คาดหวังว่าทุกฝ่ายจะสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครน-รัสเซียอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ และทำให้ยูเครนสามารถกลับมาส่งออกธัญพืช 5 ล้านตันต่อเดือน ซึ่งเป็นระดับก่อนเกิดสงครามกับรัสเซีย
ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนได้ลงนามในข้อตกลงส่งออกธัญพืชในวันนี้ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายวิกฤตอาหารทั่วโลก ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้น หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี และนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อให้มีการทำข้อตกลงดังกล่าว ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่พระราชวังโดลมาบาห์เชในนครอิสตันบูลของตุรกี
ทั้งนี้ ปธน.เออร์โดกันกล่าวว่า การลงนามข้อตกลงส่งออกธัญพืชในวันนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับชาวโลก ซึ่งจะช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์ด้านอาหาร และป้องกันประชากรโลกหลายพันล้านคนจากความอดอยาก
นอกจากนี้ ปธน.เออร์โดกันหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะถือเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และนำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกัน
ข้อตกลงฉบับนี้จะช่วยฟื้นฟูการส่งออกธัญพืชจากยูเครนและรัสเซีย ซึ่งต่างก็เป็นผู้ส่งออกข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมันพืช และปุ๋ยรายใหญ่ของโลก รวมทั้งช่วยคลี่คลายปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านอาหาร โดยจะทำให้มีการระบายธัญพืชของยูเครนจำนวนมากกว่า 20 ล้านตันซึ่งยังคงตกค้างอยู่ที่ท่าเรือในทะเลดำ นับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ.
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ยูเครนจะนำร่องเรือสินค้าเพื่อให้ปลอดภัยจากทุ่นระเบิดเพื่อไปเทียบท่ายูเครน และขนส่งธัญพืชขึ้นเรือ หลังจากนั้น ยูเครนจะนำร่องเรือสินค้าออกจากน่านน้ำของยูเครนเพื่อออกไปยังทะเลดำและไปเทียบท่าเรือตุรกีเพื่อตรวจสอบสินค้า ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง ขณะที่รัสเซียจะไม่โจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลดำ และตุรกีจะทำการตรวจสอบเรือสินค้าเพื่อคลายความกังวลของรัสเซียเกี่ยวกับการลักลอบขนส่งอาวุธของยูเครน
นอกจากนี้ สหรัฐจะให้ความร่วมมือต่อการส่งออกธัญพืชและปุ๋ยจากรัสเซีย โดยจะไม่คว่ำบาตรต่อธนาคาร บริษัทเดินเรือ และบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าดังกล่าวจากรัสเซีย