สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศถือเป็นการเตือนภัยขั้นสูงสุดของ WHO แม้ประกาศดังกล่าวอาจไม่ได้หมายถึงโรคระบาดหรือโรคร้ายแรงเสมอไป โดย WHO ออกประกาศในลักษณะนี้ครั้งล่าสุดกับโรคโควิด-19
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่นพ.ทีโดรสตัดสินใจประกาศในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมการฉุกเฉินของ WHO ไม่ได้มติเป็นเอกฉันท์ว่าควรประกาศภาวะฉุกเฉินหรือไม่
"แม้ผมจะประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศในขณะนี้ แต่นี่คือโรคที่มุ่งระบาดในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่มีหลายคู่นอนด้วย นั่นหมายความว่านี่เป็นโรคระบาดที่สามารถหยุดยั้งได้ด้วยกลวิธีที่ใช่ในกลุ่มที่เหมาะสม" นพ.ทีโดรสกล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐระบุว่า มีรายงานพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงมากกว่า 16,000 รายใน 74 ประเทศ นับตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นมา
นพ.ทีโดรสเรียกร้องให้ทั่วโลกสามัคคีกันในเรื่องการแจกจ่ายยารักษา การตรวจหาเชื้อ รวมถึงวัคซีน โดยก่อนหน้านี้ WHO กล่าวว่ากำลังสร้างกลไกการแบ่งปันวัคซีนสำหรับกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และในขณะนี้ยังมีเพียงวัคซีนจากบริษัทบาวาเรียน นอร์ดิก ของเดนมาร์กเท่านั้นที่ใช้ป้องกันโรคฝีดาษลิงได้
ดร.พลาซิด เอ็มบาลา นักไวรัสวิทยาผู้ดูแลแผนกอนามัยโลกจากสถาบันวิจัยชีวการแพทย์แห่งชาติคองโกกล่าวว่า เขาหวังว่าความพยายามในการหยุดยั้งโรคฝีดาษลิงทั่วโลกนั้นจะเป็นไปอย่างยุติธรรม แม้ในขณะนี้ประเทศตะวันตกอย่างอังกฤษ, แคนาดา, เยอรมนี และสหรัฐได้สั่งซื้อวัคซีนไปแล้วนับล้านโดส โดยไม่มีแม้แต่เข็มเดียวตกไปถึงแอฟริกา
"การฉีดวัคซีนในชาติตะวันตกอาจช่วยให้โรคหยุดระบาดที่นั่นได้ แต่ก็จะยังมีผู้ติดเชื้อในแอฟริกาอยู่ดี หากยังแก้ไขปัญหาที่นี่ไม่ได้ ที่อื่น ๆ ในโลกก็จะยังเสี่ยงอันตรายต่อไป"