รัฐบาลนิวซีแลนด์เรียกร้องในวันนี้ (25 ก.ค.) ให้นักเดินทางที่กลับจากอินโดนีเซียเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และในบางรายให้อยู่ห่างจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อย (foot and mouth disease) เพราะอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่สำคัญ
นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "นิวซีแลนด์ไม่เคยเผชิญการแพร่ระบาดของโรคนี้ และต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันกรณีดังกล่าว"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อินโดนีเซีย ซึ่งรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างเกาะบาหลี เผชิญการแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ไวรัสดังกล่าวจะแพร่ระบาดไปยังนิวซีแลนด์
รายงานระบุว่า โรคปากและเท้าเปื่อยเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงสำหรับสัตว์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโค แกะ แพะ กวาง ลามะ และสุกร แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
นอกจากนี้ แบบจำลองของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ระบุว่า การแพร่ระบาดเป็นวงกว้างของโรคปากและเท้าเปื่อยในนิวซีแลนด์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรงประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (6.23 พันล้านดอลลาร์) หลังเวลาผ่านไป 2 ปี
นางอาร์เดิร์นกล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงทางชีวภาพ ซึ่งเป็นหน่วยงานป้องกันด้านศัตรูพืชและโรค เริ่มสั่งห้ามไม่ให้นักเดินทางนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ส่วนบุคคลจากอินโดนีเซียและกำหนดให้พวกเขาใช้พรมเช็ดเท้าเพื่อทำความสะอาดรองเท้าที่สนามบิน เมื่อเดินทางกลับเข้านิวซีแลนด์
นอกจากนี้ นางอาร์เดิร์นยังได้วิงวอนให้ชาวนิวซีแลนด์และนักเดินทางมีความรับผิดชอบ และซื่อสัตย์และรอบคอบขณะสำแดงสิ่งของด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ เมื่อเดินทางกลับจากต่างประเทศ