สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หลายพื้นที่ในเกาหลีใต้จะเผชิญฝนตกหนักมากขึ้น ขณะที่กรุงโซลพยายามระบายน้ำที่ท่วมขังตามสถานีรถไฟและดำเนินการซ่อมแซมระบบไฟฟ้า หลังได้รับผลกระทบจากพายุครั้งรุนแรงที่สุดในรอบร้อยปีพัดถล่มเมืองหลวง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และสูญหายอีก 6 ราย
ทางด้านประธานาธิบดียุน ซอกยอล ได้กล่าวขอโทษในการประชุมวันนี้ (10 ส.ค.) สำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นเนื่องจากฝนตกหนักสุดในรอบ 115 ปี โดยเมื่อวานนี้ ปธน.ยุนได้ขอให้เจ้าหน้าที่ปรับแผนบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยนำผลกระทบของภาวะโลกร้อนมาพิจารณาด้วย
"เราไม่อาจเรียกสภาพอากาศที่รุนแรงสุดขั้วแบบนี้ว่าเป็นเรื่องผิดปกติได้อีกต่อไป" ปธน.ยุนกล่าว
รายงานยังระบุว่า พายุลูกนี้เริ่มพัดถล่มเกาหลีใต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 ส.ค.) ส่งผลให้บางพื้นที่ในกรุงโซลมีปริมาณฝนตกสะสม อยู่ที่ 525 มิลลิเมตร ขณะที่กรมอุตินิยมวิทยาของเกาหลีใต้คาดว่า ปริมาณฝนตกสะสมจะเพิ่มขึ้นอีก 100 มิลลิเมตรไปจนถึงวันพฤหัสบดี
ทางด้านกระทรวงมหาดไทยเผยว่า ประชาชนอย่างน้อย 570 รายไม่มีที่อยู่อาศัย และมีอาคาร 2,670 หลังถูกน้ำท่วม ขณะที่กระทรวงคมนาคมเผยว่า สามารถกู้คืนระบบบริการทางรางได้แล้ว หลังน้ำท่วมทางรถไฟและส่งผลให้มีน้ำทะลักเข้าท่วมสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง
ขณะเดียวกัน น้ำท่วมที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้ถนนในกรุงโซลมีสภาพเหมือนคูคลอง โดยข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศระบุว่า ฝนที่ตกหนักเช่นนี้มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยเนื่องจากภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้ เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นยังเป็นหนึ่งในความท้าทายในประเทศครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปธน.ยุนรับตำแหน่งเมื่อเดือนพ.ค. และทำให้คะแนนนิยมร่วงต่ำสุดเมื่อเทียบกับประธานาธิบดีคนอื่น ๆ ของเกาหลีใต้ที่ดำรงตำแหน่งในระยะเวลาเดียวกัน