เมืองกวางโจวซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีนประกาศใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวันพุธ (31 ส.ค.) เช่นเดียวกับเมืองเซินเจิ้นที่สั่งควบคุมพื้นที่หลายส่วนเพื่อสกัดการแพร่ระบาด ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการใช้ชีวิตของประชาชนในเมืองทั้งสองแห่งซึ่งถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่สุดของจีน
การออกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในเมืองสำคัญของจีนรอบใหม่นี้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมัน WTI ร่วงหลุดจากระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงด้วย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมืองกวางโจวซึ่งมีประชากรเกือบ 19 ล้านคนรายงานพบผู้ติดเชื้อเพียง 5 รายเมื่อวันอังคาร แต่เทศบาลเมืองกวางโจวได้สั่งให้พื้นที่บางส่วนระงับกิจกรรมด้านความบันเทิงภายในอาคาร และสั่งห้ามการรับประทานอาหารภายในร้านจนถึงวันเสาร์นี้ (3 ก.ย.)
นอกจากนี้ เทศบาลเมืองกวางโจวยังสั่งให้โรงเรียนเกือบทุกชั้นเรียนชะลอการเปิดเรียนในฤดูใบไม้ร่วง และระงับการเรียนการสอนในโรงเรียนที่เปิดเรียนไปแล้วก่อนหน้านี้ รวมทั้งปรับลดปริมาณการให้บริการรถประจำทางและรถไฟใต้ดิน
ส่วนในเมืองเซินเจิ้นนั้น เขตต่าง ๆ อย่างน้อย 4 เขตซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 9 ล้านคนได้ถูกสั่งให้ปิดธุรกิจด้านความบันเทิงและธุรกิจเชิงวัฒนธรรม และยังสั่งระงับการรับประทานอาหารภายในร้านเป็นเวลาประมาณ 2-3 วัน นอกจากนี้ ยังสั่งให้เลื่อนการเรียนการสอนในเทอมหน้าออกไปก่อน
ทั้งนี้ จีนยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ตามคำสั่งของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยมีเป้าหมายที่จะขจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้หมดไป ซึ่งสวนทางกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกที่เริ่มหันมาใช้ชีวิตร่วมกับโควิด หลังจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง