จีนยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.นี้ โดยทางการจีนได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางภายในประเทศเพิ่มเติม แม้หลายพื้นที่ของประเทศยังคงตกอยู่ภายใต้คำสั่งล็อกดาวน์อันเข้มงวด
ทั้งนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.) ว่า จะมีการบังคับใช้มาตรการสกัดโควิด-19 ถึงสิ้นเดือนต.ค. เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ที่ขณะนี้แทบไม่มีสัญญาณคลี่คลายลง โดยทางการแจ้งให้ประชาชนเดินทางเท่าที่จำเป็นในช่วงวันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์สัปดาห์หน้าและวันชาติในเดือนต.ค. ซึ่งปกติแล้วเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งยังกำชับให้รัฐบาลท้องถิ่นตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนทุกคนเป็นประจำโดยไม่คำนึงถึงระดับของการติดเชื้อ
การบังคับใช้คำสั่งล็อกดาวน์และมาตรการจำกัดโควิด-19 ด้านอื่น ๆ ทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงในนครเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 6 ของจีน โดยมีประชากร 21 ล้านคน และบางพื้นที่ของนครกุ้ยหยาง ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดขนาดใหญ่ที่สุดของจีน โดยมีประชาชนถึง 400,000 คนอาศัยอยู่ในอาคาร 300 แห่ง ขณะที่กรุงปักกิ่งยกระดับการคุมเข้มการเดินทางสำหรับทุกคนที่เดินทางเข้าออกมหานครหลวงแห่งนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นโยบายเหล่านี้ดูเหมือนกำหนดมาเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนถึงการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งจัดขึ้นทุก 5 ปี โดยปีนี้ความพิเศษอยู่ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมีแนวโน้มจะกุมอำนาจผู้นำประเทศต่อเป็นสมัยที่ 3 โดยถือเป็นการท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าประธานาธิบดีแต่ละคนสามารถรั้งตำแหน่งผู้นำแดนมังกรได้เพียง 2 สมัย รวมทั้งสิ้น 10 ปี ก่อนจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนนำไปสู่การยกเลิกข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2561
มาตรการสกัดโควิด-19 ดังกล่าวตอกย้ำเป้าหมายของรัฐบาลจีนในการขจัดโรคระบาดให้หมดไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมพุ่งทะยานขึ้น โดยนักเศรษฐศาตร์หลายรายแสดงมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจจีนมาสักระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะออกมาปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมในภายหลัง โดยบริษัทโนมูระ โฮลดิงส์ คาดการณ์ว่า จีนจะยึดมั่นต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ถึงปี 2566 เป็นอย่างน้อย
จีนตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,292 รายในวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.) โดยตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 1,000 รายมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แม้จะถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ความยากลำบากในการควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างสมบูรณ์ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความยากที่การบังคับใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์จะสัมฤทธิ์ผล ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์หลายชนิด