ผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาที่ได้รับการยืนยันในยูกันดาเพิ่มขึ้นเป็น 11 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ขณะที่ยูกันดาซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาตะวันออกพยายามที่จะควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวซึ่งเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิต
กระทรวงสาธารณสุขยูกันดาระบุในแถลงการณ์ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (23 ก.ย.) ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้ออีก 4 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 11 ราย
นอกจากนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 รายในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมรวมเป็น 11 รายซึ่งรวมทั้งผู้ติดเชื้อที่รับการยืนยันและผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ โดยผู้เสียชีวิต 8 รายมาจากชุมชน และ 3 รายอยู่ในสถานพยาบาล
ทั้งนี้ ยูกันดาประกาศการระบาดของไวรัสอีโบลาสายพันธุ์ซูดานเมื่อวันอังคาร (20 ก.ย.) หลังจากชายอายุ 24 ปีมีผลตรวจเป็นบวกหลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยูกันดาเปิดเผยว่ากำลังทำงานร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอีโบลา
โรคอีโบลาจัดอยู่ในกลุ่มโรคชนิดเดียวกับไข้เลือดออกโดยเกิดจากเชื้อไวรัสอีโบลา และเป็นโรคติดต่อที่มีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งพื้นที่การระบาดของโรคนี้พบมากในแถบแอฟริกา
อาการโดยทั่วไปจะเหมือนการติดเชื้อไข้เลือดออกประกอบไปด้วย อาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว แต่อาการจะรุนแรงขึ้นจนมีเลือดออก ตาเหลืองตัวเหลือง การทำงานของอวัยวะภายในล้มเหลว โดยโรคนี้มีความรุนแรงมาก และมีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 50%
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโรคนี้ การรักษาทำได้เพียงการประคับประคองตามอาการและการคัดแยกผู้ป่วยอย่างเหมาะสม และแม้จะมีความพยายามพัฒนาวัคซีนอยู่ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคอีโบลา