ยูเครนเข้าร่วมกับสเปนและโปรตุเกสในการเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกประจำปี 2573 โดยความร่วมมือดังกล่าวได้รับการยืนยันจากประธานสหพันธ์ฟุตบอลของทั้ง 3 ชาติที่สำนักงานใหญ่ของสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่า (UEFA) ในวันพุธ (5 ต.ค.)
นายอังเดร พาเวลโก ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยูเครนเปิดเผยในการแถลงข่าวว่า "การได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกนั้นเป็นความฝันของแฟนบอลชาวยูเครนหลายล้านคนที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางสงครามอันโหดร้าย และบางส่วนยังคงอยู่ในดินแดนที่ถูกยึดครอง ซึ่งในไม่ช้านั้น ธงของยูเครนจะโบกสะบัดอีกครั้งอย่างแน่นอน"
นายพาเวลโกระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน ขณะที่ยูเครนเผชิญกับการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบจากรัสเซียนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนการแข่งขันที่จะจัดขึ้นในยูเครน และเมืองที่จะใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน
อย่างไรก็ดี สนามกีฬาโอลิมปิกในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนนั้น เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปประจำปี 2555 และศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกประจำปี 2561 มาก่อน
ก่อนหน้านี้ ในเดือนมิ.ย. 2564 สเปนและโปรตุเกสได้ประกาศเสนอเป็นเจ้าภาพร่วมกันในศึกฟุตบอลโลกดังกล่าว และในการเสนอเป็นเจ้าภาพครั้งใหม่นี้ต้องเผชิญกับแข่งขันกับกลุ่มพันธมิตรระหว่างอียิปต์ กรีซ และซาอุดีอาระเบีย รวมถึงคู่แข่งจากอเมริกาใต้ซึ่งได้แก่อุรุกวัย อาร์เจนตินา ปารากวัย และชิลี
ทั้งนี้ ฟีฟ่าจะลงคะแนนเสียงในปี 2567 เพื่อเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกประจำปี 2573