หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานโดยอ้างการวิเคราะห์จากรัฐบาลกลางและรัฐของสหรัฐว่า นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดแล้วอย่างน้อยบางส่วน
ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ลดลงและไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดง่ายกว่าเดิม กำลังแพร่ไปสู่ผู้สูงอายุและผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ส่งผลให้การเสียชีวิตในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มเพิ่มสูงขึ้น
"58% ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในเดือนส.ค.เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วหรือได้รับเข็มบูสเตอร์แล้ว" รายงานระบุ
รายงานระบุว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง โดยสัดส่วนการเสียชีวิตของผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว "เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" ในช่วงปีที่ผ่านมา
นายเฟนิท นิราปพิล และนายแดน คีทติ้งจากวอชิงตันโพสต์ระบุว่า "ในเดือนก.ย. 2564 มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แม้เคยรับวัคซีนแล้วเพียง 23% แต่ในเดือนม.ค.และก.พ. 2565 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 42%"
ดร.อาชิช จา ผู้ประสานงานการรับมือโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (22 พ.ย.) ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ออกแคมเปญ "เร่งฉีดวัคซีนใน 6 สัปดาห์" เพื่อให้ชาวอเมริกันเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปี
"เรากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้ใน 6 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อช่วยให้ครอบครัวต่าง ๆ ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายในสิ้นปีนี้ เพราะนั่นคือการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับฤดูหนาวนี้" ดร.จากล่าว พร้อมเสริมว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นวัคซีนที่ต้อง "ฉีดปีละครั้ง" คล้ายกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่