มาตรการผ่อนคลายดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ชาวจีนพากันรวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง เมืองอู่ฮั่น เฉิงตู ซีอาน และนานกิง เพื่อประท้วงต่อการที่รัฐบาลยังคงล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
นอกจากนี้ ประชาชนแสดงความไม่พอใจที่เกิดเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตถึง 10 รายจากเหตุเพลิงไหม้ในอาคารแห่งหนึ่งที่เมืองอุรุมชี ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล และทำให้มีการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่ง
นอกเหนือจากนครอุรุมชีแล้ว ยังมีอีกหลายเมืองที่ประกาศผ่อนปรนมาตรการสกัดการแพร่ระบาด โดยในเมืองใหญ่อื่น ๆ เช่น นครเซี่ยงไฮ้และเมืองฉงชิ่งก็ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดเช่นเดียวกัน หลังนางซุน ชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ออกมาระบุว่า ความสามารถของโควิด-19 ในการก่อให้เกิดโรคนั้นลดน้อยลงแล้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนอาจปรับเปลี่ยนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด
"จีนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ใหม่และความท้าทายใหม่ในการป้องกันและควบคุมโรค หลังความสามารถในการก่อโรคของไวรัสโอมิครอนนั้นลดน้อยลง โดยประชาชนฉีดวัคซีนกันมากขึ้นและประสบการณ์ในการควบคุมไวรัสชนิดดังกล่าวก็เพิ่มขึ้น" นางซุนกล่าว