นายกีโยม โฟรี ซีอีโอแอร์บัส ประกาศแผนขยายสถานะทางอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ในอินเดียให้มากยิ่งขึ้น ภายหลังการเข้าพบกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.)
"เราจะเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตของภาคการบินพลเรือนต่อไป และเพิ่มสถานะทางอุตสาหกรรมของเราในอินเดียให้มากยิ่งขึ้น" นายโฟรีระบุผ่านทางทวิตเตอร์ พร้อมแนบรูปถ่ายการเข้าพบกับนายกฯ โมดี
ถ้อยแถลงของนายโฟรีว่าด้วยสถานะทางอุตสาหกรรมมีขึ้นขณะที่อินเดียเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานการบินพลเรือน
เมื่อเดือนก.ย. เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของบริษัทโบอิ้ง ให้สัมภาษณ์กับอีที อินฟรา ว่า อินเดียได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยโบอิ้งและบริษัทอื่น ๆ จะใช้ประโยชน์จากซัพพลายเออร์ของตนให้มากขึ้น
นอกจากนี้ การพบปะระหว่างแอร์บัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินพลเรือนรายใหญ่ที่สุดของโลก และอินเดีย ผู้นำตลาดสายการบินที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกนั้น เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันกับที่มีข่าวว่า สายการบินแอร์อินเดียอาจซื้อเครื่องบินเจ็ทจำนวนมากจากทั้งแอร์บัสและโบอิ้ง อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมระบุว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักของการเดินทางเยือนครั้งนี้
ขณะเดียวกัน แอร์บัสยังหวังให้แอร์ อินเดีย ซื้อเครื่องบินรุ่น A350 จำนวน 6 ลำ ซึ่งเดิมจะขายให้แก่สายการบินแอโรฟลอตของรัสเซียอีกด้วย แม้ว่าไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเครื่องบินดังกล่าวจะรวมอยู่ในคำสั่งซื้อหลักหรือไม่
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แอร์ อินเดีย ใกล้บรรลุข้อตกลงการซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX จำนวน 190 ลำ เครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ส จำนวน 30 ลำ และอาจรวมถึงเครื่องบินไอพ่น 777X ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจชุดเดียวกันที่อาจแตะเกือบถึง 500 ลำ