หน่วยงานสาธารณสุขในสหรัฐและทั่วโลกเปิดเผยว่า จีนแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงพอ ทำให้ประชาคมระหว่างประเทศไม่อาจรับรู้ได้ถึงขนาดและความรุนแรงของการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดที่เกิดขึ้นในจีนในปัจจุบันได้
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐระบุผ่านแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (28 ธ.ค.) ว่า ความไม่โปร่งใสจากจีนอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการระบุเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยใหม่ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน โดยจีนแบ่งปันข้อมูลลำดับจีโนมที่ใช้ในการระบุเชื้อสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวให้เพียงน้อยนิด
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา CDC ได้ประกาศข้อกำหนดใหม่ในการตรวจเชื้อสำหรับผู้โดยสารทุกคนของสายการบินต่าง ๆ ที่เดินทางจากจีน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือสถานะการฉีดวัคซีน ให้ตรวจเชื้อโควิดไม่เกิน 2 วันก่อนเดินทางมายังสหรัฐและต้องแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบให้แก่สายการบินก่อนการเดินทาง ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2566
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวว่า "สิ่งที่เรากังวลอยู่ในตอนนี้คือ เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยใหม่ซึ่งอาจเกิดขึ้นแล้วในจีน เนื่องจากจีนมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะเวลาสั้น ๆ จึงเป็นไปได้ว่า จะมีเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยใหม่เกิดขึ้น"
แถลงการณ์จากจีไอเอสเอไอดี (GISAID) ฐานข้อมูลจีโนมออนไลน์ซึ่งตั้งอยู่ในเยอรมนีที่เปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้ระบุว่า ข้อมูลลำดับจีโนมล่าสุดจากหน่วยงานด้านสุขภาพในจีนบ่งชี้ว่า สายพันธุ์ของโควิดที่แพร่กระจายอยู่ในจีนนั้น คล้ายคลึงกับสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักกันในส่วนอื่น ๆ ของโลก
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้ออกมาเรียกร้องให้จีนแบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในขณะที่โควิดกำลังแพร่ระบาดด้วยเช่นเดียวกัน
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวในการแถลงข่าว ณ กรุงเจนีวาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "WHO มีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นไปในจีน ซึ่งมีรายงานพบผู้ติดโควิดเพิ่มขึ้น"