Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 102,686,752 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 1,118,478 ราย
สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 11 ล้านราย ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย
รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 8 ล้านราย ได้แก่ เท็กซัส
รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 7 ล้านราย ได้แก่ ฟลอริดา
รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 6 ล้านราย ได้แก่ นิวยอร์ก
รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านราย ได้แก่ อิลลินอยส์ เพนซิลเวเนีย นอร์ทแคโรไลนา โอไฮโอ
รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ มิชิแกน จอร์เจีย นิวเจอร์ซีย์ เทนเนสซี แอริโซนา เวอร์จิเนีย แมสซาชูเซตส์ อินเดียนา
นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 98,656 ราย
ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.5 กำลังกลายเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักในสหรัฐ เนื่องจากไวรัสดังกล่าวสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกัน และเกาะติดกับเซลล์มนุษย์ได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่น
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เปิดเผยว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.5 มีสัดส่วนการแพร่ระบาด 41% ของไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดที่มีการตรวจพบจากผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐ โดยสูงกว่าเกือบ 2 เท่าจากที่มีการตรวจพบ 21.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกต่างจับตาไวรัสในตระกูล XBB เนื่องจากไวรัสดังกล่าวมีการกลายพันธุ์ได้ง่าย ทำให้วัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการป้องกันลดน้อยลง
ทั้งนี้ ไวรัส XBB ถูกตรวจพบครั้งแรกในอินเดียในเดือนส.ค.2565 ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักในประเทศ และต่อมามีการระบาดไปยังสิงคโปร์ ซึ่งหลังจากนั้นมีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อยต่างๆ ซึ่งรวมถึง XBB.1 และ XBB.1.5