นายแลร์รี หู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจากแมคควอรี (Macquarie) เปิดเผยว่า จีนมีแนวโน้มที่จะสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้ภายในสิ้นเดือนมี.ค. โดยขึ้นอยู่กับการที่ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วเพียงใด
นายหูระบุว่า ข้อมูลการใช้รถไฟใต้ดินและถนนแสดงให้เห็นว่า การจราจรในหลายเมืองใหญ่กำลังฟื้นตัว ซึ่งบ่งชี้ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว
"การเปลี่ยนนโยบายโควิดของจีนอย่างกะทันหันนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวในระยะสั้นรุนแรงขึ้น แต่ก็จะเปิดประเทศและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น" นายหูกล่าว "เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในฤดูใบไม้ผลิ"
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เมืองกว่างโจวและซานย่าระบุว่า ได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดระลอกนี้แล้ว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเทศบาลนครฉงชิ่งเปิดเผยในวันอังคาร (3 ม.ค.) ว่า ผู้มาเยือนคลินิกไข้ขนาดใหญ่รายวันมีเพียงประมาณ 3,000 คน ลดลงอย่างมากจากวันที่ 16 ธ.ค. ที่มีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษากว่า 30,000 คน โดยฉงชิ่งมีประชากรประมาณ 32 ล้านคน
วินด์ อินฟอร์เมชัน (Wind Information) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงินในจีนเปิดเผยว่า ณ วันพุธ (4 ม.ค.) จำนวนผู้โดยสารรถไฟใต้ดินในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับต่ำใน 2-3 สัปดาห์ก่อน แต่ยังอยู่ที่ระดับเพียง 2 ใน 3 ของปีที่แล้ว
นางหลุยส์ ลู นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ (Oxford Economics) ยังคงจับตาการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน โดยระบุว่า "การกลับสู่ภาวะปกติของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะใช้เวลาสักระยะ ซึ่งจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงด้านการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อการติดเชื้อโควิดที่ลดลงและประสิทธิภาพของวัคซีน"