ยูเครนยืนกรานถึงความจำเป็นในการจัดหาอาวุธที่เร็วขึ้นจากประเทศตะวันตก โดยขณะนี้เมืองดนิโปรในภาคกลางของประเทศกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่จากการถูกขีปนาวุธของรัสเซียจู่โจม ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งเสียชีวิต 40 ราย และกองทหารยูเครนที่ประจำการในแนวรบฝั่งตะวันออกก็ได้รับแรงกดดันมากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในการรายงานความคืบหน้าเมื่อเย็นวันจันทร์ (16 ม.ค.) เสนาธิการทหารของยูเครนกล่าวว่า เมืองและหมู่บ้าน 25 แห่งโดยรอบจังหวัดบัคมุตและอัฟดีฟกาได้ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ของรัสเซีย โดยสองจังหวัดนี้เป็นเป้าหมายสำคัญของรัสเซียในการพยายามใช้เป็นทางผ่านในการรุกคืบไปสู่ดอนบาสซึ่งเป็นภูมิภาคเชิงยุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมทางตะวันออกของยูเครน
นอกจากนี้แล้ว รัสเซียยังได้ยิงปืนใหญ่ถล่มหมู่บ้านมากกว่า 30 แห่งในจังหวัดคาร์คิฟและซูมีทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนรัสเซีย ส่วนหลายเมืองทางตอนใต้รวมถึงในภูมิภาคเคอร์ซอนที่รัสเซียถอนกำลังออกไปเมื่อเดือนพ.ย. 2565 ก็ถูกถล่มด้วยปืนครกและปืนใหญ่ด้วยเช่นกัน
ทางการยูเครนระบุด้วยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุขีปนาวุธถล่มเมืองดนิโปรพุ่งเป็น 40 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็ก 3 คนรวมอยู่ด้วย
ด้านนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนกล่าวผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันจันทร์ (16 ม.ค.) ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในดนิโปรเป็นข้อเท็จจริงที่ว่ารัสเซียกำลังเตรียมความพยายามครั้งใหม่ในการทำสงคราม อีกทั้งยังเป็นข้อเท็จจริงว่าปฏิบัติการทางทหารในแนวหน้าต้องการอาวุธใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญในการประสานความพยายามทั้งหมดของกลุ่มพันธมิตรในการปกป้องยูเครนและเสรีภาพ