นายอาดาร์ พูนาวัลลา ซีอีโอของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เปิดเผยกับนางจูแมนนา แบร์เชตเช นักข่าวจากสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ณ ที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า "จีนจำเป็นต้องเปิดใจยอมรับการรักษาและวัคซีนต่าง ๆ จากชาติตะวันตก และวางประเด็นทางการเมืองหรือประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องนี้เอาไว้ก่อน"
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า จีนเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังประกาศยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) อย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด การปูพรมตรวจเชื้อจำนวนมาก และการกักตัวนักเดินทางขาเข้า
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จีนมีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตามมาตรฐานอยู่ที่เกือบ 87% และมีประชากร 54% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มเสริมภูมิคุ้มกัน
ทั้งนี้ วัคซีนโควิดหลักที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในจีนมาจากซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ซึ่งผลการศึกษาหลายฉบับบ่งชี้ว่า วัคซีนเหล่านี้มีประสิทธิภาพด้อยกว่าเมื่อเทียบกับวัคซีน mRNA อื่น ๆ เช่น วัคซีนของไฟเซอร์และไบออนเทค
นายพูนาวัลลากล่าวว่า จากการดำเนินการกับโรคโควิด-19 ของจีนในปี 2563 ซึ่งรวมถึงการสร้างโรงพยาบาลและโครงสร้างพื้นฐาน และการออกมาตรการป้องกัน แสดงให้เห็นว่าจีนสามารถรับมือได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นายพูนาวัลลายังได้เน้นย้ำถึงการไม่นำเข้าวัคซีนจากสหรัฐ อินเดีย หรือที่ใด ๆ ซึ่ง "มีประสิทธิภาพอย่างมาก" โดยกล่าวว่า "ผมคิดว่า ตอนนี้พวกเขาอาจต้องพิจารณาอย่างจริงจังที่จะเริ่มนำเข้าวัคซีน อย่างน้อยก็ในฐานะวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกัน และใช้วัคซีนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพดี มิฉะนั้น ผู้คนจำนวนมากในจีนจะยังคงติดเชื้อต่อไป และเราหวังเพียงว่า ให้พวกเขาโชคดีในการพยายามจัดการวิกฤตนั้นและผ่านพ้นไปได้โดยเร็วที่สุด"