คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council - UNHRC) เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (21 ก.พ.) ว่า พลเรือนจำนวนกว่า 8,000 รายเสียชีวิตนับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครนมาเกือบ 1 ปีแล้ว
ยอดผู้เสียชีวิตใหม่นี้แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้เสียชีวิตได้ถูกปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากยอดก่อนหน้านี้ที่ 7,199 รายนับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 และ 90% ของผู้เสียชีวิตนี้เกิดจากอาวุธประเภทระเบิด
คณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในยูเครนคาดการณ์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจจะสูงกว่าที่รายงานระบุไว้อย่างมาก ขณะที่คณะทำงานกำลังดำเนินการยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิต
นายโฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแถลงว่า "ข้อมูลของเราเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ยอดเสียชีวิตของพลเรือนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้"
นางมาทิลดา บ็อกเนอร์ หัวหน้าคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนของ UN ในยูเครนเชื่อว่า ยังมีพลเรือนอีกหลายพันคนเสียชีวิต เนื่องจากหลายคนอยู่ในพื้นที่ของเมืองมาริอูโปลทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย
ตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นรวมพลเรือนที่เสียชีวิต 2,000 รายในเมืองมาริอูโปลซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ราว 450,000 คนก่อนรัสเซียบุกโจมตีและทำลายเมืองจนราบเป็นหน้ากลอง
อย่างไรก็ตาม นางบ็อกเนอร์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "เรามีข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ซึ่งบ่งชี้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตสูงกว่าที่เราได้รวบรวมไว้หลายพันราย และยอดผู้เสียชีวิตจำนวนมากนั้นมาจากเมืองมาริอูโปล"