ทางการอิตาลีเปิดเผยว่า เกิดเหตุเรือผู้อพยพอับปางนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของอิตาลี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 59 ราย โดยในจำนวนนี้รวมถึงเด็ก 12 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายอีกหลายสิบราย โดยเรืออพยพลำดังกล่าวทำจากไม้และกระแทกเข้ากับโขดหินจนเป็นเหตุให้เรืออับปางลงในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 ก.พ.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เรือลำดังกล่าวซึ่งล่องมาจากตุรกี และบรรทุกผู้คนมาจากอัฟกานิสถาน อิหร่าน และอีกหลายประเทศนั้น เกิดอับปางท่ามกลางคลื่นทะเลโหมกระหน่ำก่อนที่จะถึงช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ โดยจุดที่เรืออับปางนั้นอยู่ใกล้กับเมืองสเตคคาโต ดิ คูโตร ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศริมทะเล บริเวณชายฝั่งตะวันออกของแคว้นคาลาเบรียในประเทศอิตาลี
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดการอภิปรายรอบใหม่เกี่ยวกับผู้อพยพในยุโรปและอิตาลีที่เพิ่งบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดเกี่ยวกับแนวทางการรับผู้อพยพ ซึ่งถูกวิพาษ์วิจารณ์อย่างหนักจากองค์การสหประชาชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ
นายมัตเตโอ เปียนเตโดซี รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอิตาลีซึ่งเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า มีผู้อพยพประมาณ 20-30 รายที่ยังสูญหาย โดยเรือลำดังกล่าวบรรทุกผู้อพยพประมาณ 150-200 ราย
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจของอิตาลีเปิดเผยว่า เรือผู้อพยพลำนี้ล่องมาจากเมืองอิซมีร์ ซึ่งเป็นเมืองท่าในฝั่งตะวันตกของตุรกีเมื่อ 4 วันก่อน และถูกพบเห็นโดยเครื่องบินลำหนึ่งที่ปฏิบัติการโดยหน่วยฟรอนเท็กซ์ (Frontex) ซึ่งเป็นหน่วยปกป้องพื้นที่ชายแดนของสหภาพยุโรป นอกจากนี้หน่วยฟรอนเท็กซ์ระบุว่าเรือลำนี้ล่องอยู่ห่างจากนอกชายฝั่งอิตาลีประมาณ 74 กิโลเมตร ในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.
ขณะที่สำนักข่าว ANSA ของอิตาลีรายงานว่า เด็กทารกรายหนึ่งอายุเพียงไม่กี่เดือน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้เสียชีวิตที่ถูกคลื่นทะเลซัดเกยตื้น ซึ่งสร้างความหดหู่ใจแก่ผู้ที่พบเห็น
ทางด้านนางจอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เรืออับปางและมีผู้อพยพเสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมกับกล่าวโทษขบวนการค้ามนุษย์ที่ได้ประโยชน์จากการลักลอบพาคนต่างด้าวเข้าเมือง รวมทั้งหลอกให้ผู้อพยพเข้าใจผิดเกี่ยวกับโอกาสของการเดินทางที่ปลอดภัย