กระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่นเผยแพร่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติของรัฐบาลหลายแห่ง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการระบุว่า จำนวนการฆ่าตัวตายของเด็กนักเรียนในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 39 รายจากปี 2564 สู่ 512 รายในปี 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า อัตราการฆ่าตัวตายของประชาชนที่มีอายุไม่เกิน 19 ปีซึ่งรวมถึงนักเรียนในโรงเรียนนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากความวิตกกังวลด้านผลการเรียนที่ตกต่ำ โอกาสด้านอาชีพการงานที่ย่ำแย่ และความเครียดที่เกี่ยวกับข้องกับการสอบเข้าโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานในวันนี้ (2 มี.ค.) ว่า ในจำนวนผู้ฆ่าตัวตายดังกล่าว มีเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาฆ่าตัวตาย 17 ราย ซึ่งเด็กนักเรียนประถมศึกษาในญี่ปุ่นมีอายุ 6 - 12 ปี นอกจากนี้ ยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นจำนวน 143 ราย และนักเรียนชั้นมัธยมปลายจำนวน 352 ราย โดยการฆ่าตัวตายของนักเรียนชายระดับมัธยมปลายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเพิ่มขึ้น 38 ราย สู่ 207 ราย และการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นมากที่สุดในเดือนมิถุนายนที่จำนวน 60 ราย ตามด้วย 57 รายในเดือนกันยายน และ 47 รายในเดือนมีนาคม
กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปิดเผยว่า อัตราการฆ่าตัวตายในปี 2565 นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบในปี 2523
ด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเรียนและอาชีพการงานว่าจะออกมาเลวร้ายที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดปีการศึกษาของญี่ปุ่นนั้น กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศไปยังคณะกรรมการการศึกษาทั่วประเทศเมื่อวันอังคาร (28 ก.พ.) เรียกร้องให้พวกเขาให้คำแนะนำด้านอาชีพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเฝ้าระมัดระวังสำหรับนักเรียนที่แสดงอาการเคร่งเครียด
เนื่องจากจำนวนการฆ่าตัวตายในกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายเพิ่มสูงขึ้น ทางกระทรวงฯ ได้ขอให้โรงเรียนของรัฐบาลตอบแบบสำรวจเพื่อพยายามทำความเข้าใจว่า โรงเรียนต่าง ๆ จะดำเนินการอย่างไรเพื่อป้องกันนักเรียนฆ่าตัวตาย รวมถึงวิธีการรับมือกับสถานการณ์เมื่อมีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้น