กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเฮติได้ออกมาเรียกร้องเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ให้ยุติการลักลอบค้าอาวุธเข้ามาในเฮติ โดยประเทศในแถบทะเลแคริบเบียนแห่งนี้กำลังเผชิญกับวิกฤติการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่นำโดยแก๊งต่าง ๆ ซึ่งนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า แก๊งเหล่านี้กำลังยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางเกอร์ลีน โยเซฟ จากเฮเตียน บริดจ์ อลิอันซ์ (Haitian Bridge Alliance) องค์กรสิทธิมนุษยชนที่ไม่แสวงผลกำไรซึ่งมุ่งเน้นการช่วยเหลือผู้อพยพเปิดเผยว่า เฮติไม่ได้ผลิตอาวุธ แต่กลับพบเห็นเด็กผู้ชายถือปืนไรเฟิลจู่โจมอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นที่รู้ว่าปืนเหล่านั้นมาจากสหรัฐ
"เมื่อเราได้รับอาวุธหนักจากสหรัฐหรือผู้ร้ายข้ามชาติอื่น ๆ ผู้คนสามารถใช้มันฆ่าคนได้โดยไม่ต้องรับผิด และเราจะไม่ได้เห็นคนเหล่านั้นถูกจับมาลงโทษ" นางโยเซฟกล่าวที่นครลอสแอนเจลิส "ถ้าหากเราสามารถยับยั้งการส่งอาวุธหนักเข้ามาในเฮติได้ เราก็จะเริ่มเห็นว่าปัญหานั้นเบาบางลง"
ด้านนางโรซี ออกุสต์ ดูเซนา จากเครือข่ายสิทธิมนุษยชนอาร์เอ็นดีดีเอช (RNDDH) กล่าวว่า จังหวัดเวสต์ซึ่งเป็นเขตอำนาจศาลของกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของแก๊งติดอาวุธ 100% และเธอประมาณการว่า 60% ของพื้นที่ในประเทศถูกแก๊งเหล่านี้ยึดครองแล้ว
นอกจากนี้ ในแต่ละวันจะมีคนถูกลักพาตัวโดยเฉลี่ยวันละประมาณ 15 ราย ซึ่ง 4 รายถูกฆ่าตาย และอีก 7 ราย ซึ่งเป็นผู้หญิงหรือเด็กหญิงนั้นถูกข่มขืน
ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่มีการต่อสู้การอย่างดุเดือดรุนแรงระหว่างแก๊งคู่อริในย่านซิเต โซเลย์ของกรุงปอร์โตแปรงซ์เมื่อเดือนก.ค. 2565 นั้น มีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงอย่างน้อย 52 รายถูกข่มขืนโดยแก๊งติดอาวุธ