รัฐบาลจีนมีแผนที่จะล็อกดาวน์เมืองซีอาน รวมทั้งปิดสถานศึกษาและธุรกิจต่าง ๆ ในเมืองแห่งนี้ ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ส่งผลให้ประชาชนวิตกกังวลว่า รัฐบาลจีนอาจจะกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวดเหมือนกับที่ใช้ในการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่หลังจากที่จีนกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้ง เมืองซีอานจึงได้กำหนดแผนการรับมือ ซึ่งครอบคลุมถึงการล็อกดาวน์พื้นที่ต่าง ๆ ในเมือง โดยแผนการดังกล่าวจะเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สามารถปิดสถานศึกษา สถานบันเทิง และธุรกิจต่าง ๆ หากการระบาดในชุมชนมีความรุนแรงจนเข้าขั้นวิกฤติ
แผนดังกล่าวทำให้ผู้คนบนโลกออนไลน์ออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยผู้ใช้ออนไลน์ทั่วประเทศแสดงความตื่นตระหนกว่า แผนดังกล่าวเสมือนเป็นการหวนคืนสู่การดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) ซึ่งเป็นนโยบายที่ใช้สกัดการแพร่ระบาดอย่างเด็ดขาด และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน อีกทั้งเป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศ จนทำให้รัฐบาลตัดสินใจยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างกะทันหันในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ภายใต้แผนการรับมือ 4 ระดับ เทศบาลเมืองซีอานสามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดได้ เช่น การล็อกดาวน์พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ปิดธุรกิจต่าง ๆ และปิดสถานศึกษาและสถานบันเทิง โดยกฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อเชื้อไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายจากคนสู่คนเป็นระยะเวลานานในระดับหนึ่ง และนำไปสู่การแพร่ระบาดในชุมชนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน
ทั้งนี้ เมืองซีอาน ซึ่งมีประชากรราว 13 ล้านคน เคยถูกล็อกดาวน์เป็นเวลาหนึ่งเดือนในปี 2564 เพื่อยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 โดยประชาชนส่วนใหญ่ถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน