นายซานดิอากา อูโน รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียประสบความเสียหายทางเศรษฐกิจและชื่อเสียง หลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศตัดสิทธิอินโดนีเซียจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี หรือ ยู-20 รอบสุดท้าย เนื่องจากเกิดเหตุวุ่นวายจากการประท้วงต่อต้านทีมอิสราเอล
นายอูโนกล่าวว่า อินโดนีเซียเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 3.7 ล้านล้านรูเปียห์ (247 ล้านดอลลาร์) หรือราว 8,500 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายมากกว่า 5 แสนล้านรูเปียห์ในการปรับปรุงสนามฟุตบอลใน 6 เมืองสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ และรายได้ที่หายไปจากการขายตั๋วให้แฟนบอล และจากนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศ
นายอูโนระบุว่า อินโดนีเซียอาจหมดโอกาสที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกอีกต่อไป และจะกระทบต่อชื่อเสียงของอินโดนีเซีย หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดการประชุมระหว่างประเทศหลายครั้ง รวมทั้งล่าสุดจัดประชุมกลุ่ม G20 ที่สามารถนำประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มาอยู่บนเวทีเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียมีกำหนดจัดการแข่งขันฟุตบอลดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ค.-11 มิ.ย. อย่างไรก็ดี ฟีฟ่าประกาศตัดสิทธิการเป็นเจ้าภาพของอินโดนีเซีย หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัด 2 คน รวมทั้งชาวอินโดนีเซียจำนวนหนึ่ง ออกมาชุมนุมประท้วงคัดค้านทีมชาติอิสราเอลเข้าร่วมการแข่งขัน ขณะที่อินโดนีเซีย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ให้การสนับสนุนปาเลสไตน์
"ฟีฟ่าได้ตัดสินใจที่จะตัดสิทธิอินโดนีเซียจากการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี อันเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" แถลงการณ์ของฟีฟ่าระบุ โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
"ฟีฟ่าจะประกาศรายชื่อประเทศเจ้าภาพใหม่โดยเร็วที่สุด โดยกำหนดวันแข่งขันจะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง"
นอกจากนี้ ฟีฟ่าระบุว่าอาจมีบทลงโทษสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย โดยอาจตัดสิทธิอินโดนีเซียจากการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2026