อย่างไรก็ดี อัตราการใช้กำลังผลิตของโรงงานผลิตจอแสดงผลโดยรวมกำลังฟื้นตัวจาก 66% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 เป็น 74% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 เนื่องจากคำสั่งซื้อโทรทัศน์แอลซีดี โน้ตบุ๊ก แผงจอภาพ และแผงหน้าจอแอลซีดีสำหรับสมาร์ตโฟนที่สูงขึ้น
ปัญหาอุปทานล้นเกินในปี 2565 ส่งผลกระทบกับอัตราการใช้กำลังผลิตของโรงงานผลิตจอแอลซีดีและโอแอลอีดี โดยหลังจากที่อัตราการใช้กำลังผลิตต่ำในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 โรงงานจอแอลซีดีค่อย ๆ เพิ่มปัจจัยนำเข้ากระจกรองพื้น ( glass substrate) ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ขณะที่ผู้ผลิตแอลซีดีโดยเฉพาะในจีน ค่อย ๆ เพิ่มอัตราการใช้กำลังผลิตอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ได้ควบคุมกำลังผลิตอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาระดับราคาแผงหน้าจอ
เดวิด เช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยจอแสดงผลของออมเดีย กล่าวว่า โรงงานผลิตจอโอแอลอีดีมีอัตราการใช้กำลังผลิตต่ำกว่าโรงงานผลิตจอแอลซีดีที่อยู่ตัวและดำเนินการอย่างราบรื่นกว่า โดยมีตัวแปรประกอบด้วย ปริมาณงานการผลิตอุปกรณ์แผงแบ็กเพลน TFT, ความเร็วในการระเหยสารเพื่อใช้ผลิตจอโอแอลอีดี, การสับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อน, ระยะเวลากระบวนการผลิตเซนเซอร์สัมผัส และการปรับแต่งมาตรฐานการออกแบบโครงสร้างโมดูลโอแอลอีดี
ในแง่ของตัวแปรเหล่านี้ อัตราการใช้กำลังผลิตเต็มขั้นของโรงงานจอแอลซีดีถือได้ว่ามีปริมาณงาน 100% แต่สำหรับจอโอแอลอีดีแล้ว ถือเป็นปริมาณงานเต็มได้ที่อัตรา 80%-90% ของกำลังผลิตโดยรวมที่ออกแบบไว้
เช กล่าวต่อไปว่า ขณะที่การฟื้นตัวของแอลซีดีกำลังเกิดขึ้นอย่างเด่นชัด และเห็นได้ชัดว่าจะช่วยรักษาราคาแอลซีดีพร้อมกับอัตราการใช้กำลังผลิตในคราวเดียวกัน ทางฝั่งจอโอแอลอีดีจะต้องรอให้ความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ฟื้นตัวกว่านี้