ธนาคารโลกเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (25 เม.ย.) ว่า จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศที่มั่งคั่งและประเทศที่มีรายได้ปานกลางนั้นจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นต้องพึ่งพาการย้ายถิ่นฐานของประชากรจากประเทศที่ยากจนกว่า และกระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการจัดการที่ดีกว่านี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารโลกระบุผ่านรายงานการพัฒนาโลก (WDR) ว่า ปัจจุบันประชากรราว 184 ล้านคนทั่วโลกอาศัยอยู่ในประเทศที่พวกเขาไม่มีสถานะพลเมือง โดยประชากรกลุ่มดังกล่าว 43% อยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง ขณะที่ประชากรราว 37 ล้านคนในจำนวนนั้นเป็นผู้อพยพ เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ธนาคารโลกระบุว่า บางประเทศได้เผชิญกับปัญหาจำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงสเปนซึ่งคาดว่าประชากรวัยทำงานจะลดลงมากกว่า 1 ใน 3 ภายในปี 2643 ขณะที่จำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า 65 ปีเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 40% ของจำนวนประชากร จาก 20% ในปัจจุบัน
รายงานระบุว่า ประเทศต่าง ๆ เช่น เม็กซิโก ไทย ตูนิเซีย และตุรกี อาจต้องการแรงงานจากต่างชาติมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากจำนวนประชากรไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่การอพยพย้ายถิ่นฐานข้ามชายแดนเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยประเทศปลายทางและประเทศต้นทางนั้นมีระดับรายได้ที่แตกต่างกันไป
นายอักเซล ฟาน ทรอทเซนเบิร์ก กรรมการผู้จัดการอาวุโสของธนาคารโลกระบุในแถลงการณ์ว่า "การอพยพสามารถเป็นกำลังสำคัญสำหรับความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาได้ เมื่อกระบวนการดังกล่าวได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ก็จะส่งผลดีต่อประชาชนทุกคนทั้งในสังคมต้นทางและปลายทาง"