บริษัท อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานและเคมีแบบบูรณาการ ร่วมกับเป่าซาน ไอรอน แอนด์ สตีล หรือเป่าสตีล กลุ่มบริษัทเหล็กกล้าชั้นนำของโลก และกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย หรือพีไอเอฟ ลงนามในข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น เพื่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กเพลทครบวงจรในซาอุดีอาระเบีย
โรงงานแห่งนี้ตั้งเป้ารวมระบบนิเวศบริการด้านพลังงานและอุตสาหกรรมของอารามโค เข้ากับความสามารถในอุตสาหกรรมเหล็กเพลทขั้นสูงของเป่าสตีล และความสามารถทางการเงินและความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนของพีไอเอฟ
อย่างไรก็ดี โรงงานร่วมทุนนี้ยังอยู่ระหว่างการขออนุมัติตามกฎข้อบังคับและเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม โดยคาดว่า โรงงานร่วมทุนจะตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมราสอัลไคร์ (Ras al-Khair Industrial City) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่
อามิน เอช แนสเซอร์ ประธานและซีอีโอของอารามโค กล่าวว่า โรงงานผลิตเหล็กเพลทแห่งแรกของราชอาณาจักรฯ คาดว่าจะช่วยยกระดับระบบนิเวศอุตสาหกรรมเหล็กของซาอุดีอาระเบียและปรับปรุงซัพพลายเชนในท้องถิ่น การร่วมทุนครั้งนี้อยู่ภายใต้โครงการลงทุนภาคอุตสาหกรรมของอารามโคอย่างนามัต (Namaat) และได้รับการสนับสนุนจากโครงการชารีค (Shareek) ของรัฐบาล โดยคาดว่าจะช่วยสร้างงานและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการกระจายความเสี่ยงได้ การร่วมทุนครั้งนี้ยังเป็นตัวอย่างของการนำความเชี่ยวชาญจากภาคส่วนอื่น ๆ มารวมกัน ซึ่งเมื่อได้เป่าสตีลและพีไอเอฟเข้ามาสนับสนุนการเสริมสร้างศักยภาพในภาคอุตสาหกรรมของราชอาณาจักรฯ แล้ว ทางอารามโคก็ตั้งเป้าที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทและพันธมิตรของเรา โดยจะเป็นโรงงานเหล็กเพลทครบวงจรแห่งแรกในซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งจะช่วยยกระดับระบบนิเวศอุตสาหกรรมเหล็กในภูมิภาค เพื่อยกระดับภาคการผลิตในประเทศ โดยหันมาผลิตเหล็กเพลทหนัก ถ่ายทอดความรู้ และสร้างโอกาสในการส่งออกจากในประเทศเอง
โรงงานแห่งนี้คาดว่า จะมีกำลังการผลิตเหล็กเพลทสูงถึง 1.5 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ยังจะติดตั้งเตาเผาเหล็กพรุน (DRI) ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและเตาอาร์คไฟฟ้า ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตเหล็กให้ได้ 60% เมื่อเทียบกับเตาหลอมเหล็กแบบดั้งเดิม โรงงานเหล็กพรุนแห่งนี้รองรับการใช้ไฮโดรเจนได้ โดยไม่จำเป็นต้องดัดแปลงอุปกรณ์จำนวนมาก ซึ่งในอนาคตอาจลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 90%
ยาซีด เอ อัลฮูมีด รองผู้ว่าการและหัวหน้าฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ กองทุนพีไอเอฟ กล่าวว่าพีไอเอฟกำลังสร้างความหลากหลายให้กับเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย โดยปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ และส่งเสริมภาคส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญในตลาดท้องถิ่น ความร่วมมือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กเพลทครบวงจร เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมของซาอุดีอาระเบีย และเข้ามามีบทบาทในฐานะซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมโลหะ นอกจากนี้ยังจะสานต่อพันธกิจของพีไอเอฟในการจัดตั้งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ใหม่ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก พัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ในท้องถิ่น สนับสนุนภาคเอกชน และสร้างโอกาสในการทำงานทั้งทางตรงและทางอ้อมในตลาดท้องถิ่น โดยนับตั้งแต่ปี 2560ทางพีไอเอฟได้ลงทุนใน 13 ภาคส่วนเชิงกลยุทธ์และจัดตั้งบริษัทในประเทศขึ้นใหม่ 77แห่งด้วยกัน
โจว จี้ซิน ประธานเป่าสตีล กล่าวว่าโครงการนี้เป็นแนวปฏิบัติที่เป่าสตีลดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อสำรวจเส้นทางคาร์บอนต่ำสำหรับอุตสาหกรรมเหล็ก นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการส่งเสริมกลยุทธ์การพัฒนาระหว่างประเทศของเป่าสตีล โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลลัพธ์อันดีในการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมเหล็กกล้าในท้องถิ่น พร้อมส่งเสริมการสร้างงาน และความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในซาอุดีอาระเบีย
เฉิน เต๋อหรง ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทเป่าอู่(Baowu Group) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเป่าสตีล และหู หวังหมิง ประธานบริหารกลุ่มบริษัทเป่าอู่ ก็ได้ให้การรับรองโครงการดังกล่าวอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
ซาอุดีอาระเบียจะเป็นตลาดเป้าหมายหลักของโครงการนี้ โดยมีแผนส่งออกไปยังกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ รวมถึงภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งจะช่วยสร้างงานใหม่และลดการพึ่งพาเหล็กนำเข้าได้อย่างมาก โดยให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรมทางยุทธศาสตร์หลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นท่อส่ง การต่อเรือ การผลิตแท่นขุดเจาะ การผลิตแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่ง และการผลิตแทงค์และถังแรงดัน นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อรองรับภาคการก่อสร้าง พลังงานทดแทน และภาคการเดินเรือด้วย
การลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์ของพีไอเอฟ ในการเสริมศักยภาพของภาคส่วนที่มีแนวโน้มสดใสและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนการกระจายความเสี่ยงของเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยสนับสนุนภาคส่วนสำคัญ ๆ ของพีไอเอฟที่จำเป็นต้องใช้เหล็กเพลท และสร้างอุตสาหกรรมเหล็กที่ยืดหยุ่นมากขึ้นในภูมิภาค