บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป หรือบีซีจี (BCG) และอินเทลได้ร่วมมือกันในเชิงกลยุทธ์และเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ (generative artificial intelligence) หรือเจเนอเรทีฟ AI ซึ่งใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ AI ของอินเทล เพื่อให้บริการโซลูชันที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ โดยพุ่งเป้าที่กลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจองค์กร
สุชิ ศรีนิวาสัน กรรมการผู้จัดการและหุ้นส่วนของบีซีจี กล่าวว่า เจเนอเรทีฟ AI เป็นพื้นที่เกิดใหม่และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่า องค์กรต่าง ๆ จะต้องเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อขับเคลื่อนเจเนอเรทีฟ AI ของตนเอง เทคโนโลยีนี้ควรอยู่ในระดับองค์กรนับตั้งแต่วันแรก และมีพื้นที่ให้กับความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้งาน และปรับขนาดได้ตามความเหมาะสม ความร่วมมือระหว่างเรากับอินเทลจะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ได้พัฒนาความได้เปรียบด้านการแข่งขันผ่านโซลูชันเจเนอเรทีฟ AI พร้อมเปลี่ยนแปลงผู้คน กระบวนการ และนโยบายที่จำเป็นได้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณค่าสูงสุดจากโซลูชันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
รากฐานของความร่วมมือครั้งนี้คือการรักษาความปลอดภัยแบบฝังตัว เพื่อการปกป้องข้อมูลที่ดียิ่งขึ้น การวิจัยร่วมกันของบีซีจีและเอ็มไอที สโลน แมเนจเมนต์ รีวิว (MIT Sloan Management Review) ระบุว่า 84% ของผู้บริหารเชื่อว่า AI ที่มีความรับผิดชอบ (responsible AI หรือ RAI) ควรเป็นวาระด้านการจัดการที่มีความสำคัญมากที่สุด แต่มีเพียง 25% เท่านั้นที่มีโปรแกรม RAI ที่ครอบคลุมรอบด้าน
ทางด้านแซนดรา ริเวอรา รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายศูนย์ข้อมูลและเอไอของอินเทล กล่าวว่า เจเนอเรทีฟ AI ต้องการแนวทางที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อให้มีตัวเลือกที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้องค์กรได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย ความร่วมมือระหว่างเราและบีซีจีเปิดโอกาสให้เราได้ช่วยเหลือลูกค้าในการสร้างเครื่องมือเจเนอเรทีฟ AI ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีความครบเครื่องตามขอบเขตความปลอดภัยที่เลือก
นอกจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ยังเผชิญกับปัญหาในการใช้เครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อตรวจสอบและจัดการกับโซลูชันเจเนอเรทีฟAI ในระดับต่าง ๆ และผสานเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจขององค์กร ความร่วมมือในครั้งนี้จึงสามารถส่งมอบบริการแบบเทิร์นคีย์ที่พร้อมใช้งาน ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถตอบสนองความต้องการด้านการปรับขนาดและการจัดการวงจรการทำงานได้สะดวกและคุ้มค่ามากขึ้น
โดยบีซีจีใช้ประโยชน์จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของอินเทล เสริมพลังด้วยหน่วยประมวลผลซีนอน (Xenon) ที่ปรับขนาดได้ และตัวเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์พลัง AI (Habana Gaudi) ตลอดจนซอฟต์แวร์ไฮบริดระดับคลาวด์ที่พร้อมใช้งาน เพื่อขับเคลื่อนโมเดลพื้นฐานเฉพาะทางที่ได้รับการฝึกอบรมจากข้อมูลของบีซีจี ซึ่งได้มอบข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลที่เป็นความลับและเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมากว่า 50 ปี
อินเทอร์เฟซแชตบอตภาษาธรรมชาติแบบกำหนดเอง ซึ่งใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์AI ของอินเทล ยังช่วยให้พนักงานบีซีจีดึงข้อมูลและสรุปข้อมูลผ่านการค้นหาความหมายได้ จากที่ก่อนหน้านี้ถูกฝังอยู่ในรายการเอกสารที่มีความยาวหลายหน้า ซึ่งเมื่อเทียบกับโซลูชันการค้นหาคำหลักที่พนักงานบีซีจีใช้อยู่เดิมแล้ว ผู้ใช้มีความพึงพอใจเพิ่มขึ้น 41% ความเกี่ยวข้องของผลลัพธ์เพิ่มขึ้น 25% และอัตราการทำงานเสร็จเพิ่มขึ้น 39% เมื่อใช้แอปพลิเคชันเจเนอเรทีฟ AI