หนังสือพิมพ์สตาร์ของมาเลเซียรายงานโดยอ้างอิงคำกล่าวของนายชาร์ลส์ ซันติอาโก ประธานคณะกรรมการด้านบริการน้ำแห่งชาติว่า มาเลเซียจำเป็นต้องกระจายน้ำประปาระหว่างรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น
คณะกรรมการฯ ได้หารือประเด็นการจัดสรรน้ำประปา หลังจากที่รัฐปีนังและเกดะห์ประสบปัญหาไม่มีน้ำประปาใช้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดปัญหาจากเขื่อนกั้นน้ำ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกและกว้านซื้อน้ำดื่มเป็นวงกว้าง ขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ ต้องสูญเสียรายได้หลายล้านริงกิตในช่วงเวลาที่ขาดแคลนน้ำประปาดังกล่าว
รายงานระบุว่า ระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงมูดา (Sugai Muda) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับ 2 รัฐข้างต้น ลดลงจากระดับปกติที่ 3 เมตร สู่ระดับ 50 เซนติเมตร หลังจากเกิดปัญหาเซนเซอร์ทำงานผิดพลาดขึ้นที่เขื่อนกั้นน้ำและระบายน้ำในแม่น้ำออกสู่ทะเล
ขณะที่รัฐเปรักซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับรัฐปีนังมีอุปทานน้ำล้นในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรน้ำดิบในมาเลเซียเป็นของแต่ละรัฐและไม่ได้อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของรัฐบาลกลาง ทำให้เกิดความยากลำบากในการประสานงานใด ๆ ระหว่างรัฐทั้งสอง
นายซันติอาโกกล่าวว่า "การกระจายทรัพยากรน้ำระหว่างรัฐในยามวิกฤต" เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของมาเลเซียโดยรวม ซึ่งปัญหาข้างต้นเกิดขึ้นในขณะที่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องต่อสู้กับอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ และผู้ป่วยด้วยโรคลมแดด (ฮีทสโตรก) จำนวนมาก ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด