ออมเดีย (Omdia) เผยแพร่รายงานหัวข้อ TV Display & OEM Intelligence Service ว่า การแข่งขันจากกลุ่มผู้ผลิตทีวีชั้นนำของจีนนั้นมีความดุเดือดยิ่งขึ้น โดยบริษัททีซีแอลและบริษัทไฮเซ่นส์ขึ้นแท่นบริษัทที่ซื้อแผงทีวีมากเป็นอันดับสองและสาม ด้วยส่วนแบ่งตลาด 24% ในไตรมาส 1 ของปี 2566 ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ตลาดกำลังให้ความสนใจผู้ผลิตแผงจากจีน ขณะที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซัมซุงมีอำนาจในการซื้อมากที่สุด โดยครองส่วนแบ่งตลาดไปได้ 13% ในปี 2565 แม้จะแผ่วลงมากเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ซัมซุงซื้อแผงทีวีแอลซีดีไป 18%
เดโบราห์ หยาง หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำฝ่ายวิจัยจอแสดงผลของออมเดีย กล่าวว่า รายงานของเราแสดงให้เห็นว่า ปริมาณการซื้อแผงที่เพิ่มขึ้นของทีซีแอลและไฮเซ่นส์เริ่มตีตื้นซัมซุงซึ่งอยู่ที่ 14% ขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่กำลังซื้อแผงทีวีแอลซีดี อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ผลิตแผงทีวีแอลซีดีของเกาหลีมีการแข่งขันลดน้อยลง แต่แนวโน้มความต้องการของตลาดทีวีทั่วโลกอันมืดมนนั้นยังคงกีดกันผู้ผลิตแผงทีวีของจีน ปริมาณการซื้อแผงที่แข็งแกร่งจากผู้ผลิตทีวีของจีนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ผลิตแผงของจีน ในการใช้กำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพของซัพพลายเชนให้ได้สูงสุด
ในไตรมาสแรกของปีนี้ ผู้ผลิตทีวีชั้นนำของจีนมีการจัดส่งทีวีเพิ่มขึ้น โดยมีบทบาทแข็งแกร่งขึ้นในตลาดทีวีทั่วโลกในธุรกิจทีวีแบบมีแบรนด์และทีวีแบบรับจ้างผลิต
เมื่อปี 2565 ทีซีแอลและไฮเซ่นส์มีส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 22% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรอบ 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีส่วนแบ่งในการซื้ออยู่ที่ 19%
ในปี 2565 76% ของแผงทีวีแอลซีดีที่ทางทีซีแอลและไฮเซ่นส์ซื้อมานั้น มาจากผู้ผลิตแผงในจีน เช่น บีโออี ไชนาสตาร์ เอชเคซี ดิสเพลย์ ซีเอชโอที และซีอีซี-แพนดา เพิ่มขึ้นจาก 73% ในปีที่แล้ว หรือ 58% ในปี 2562
การที่ซัมซุง ดิสเพลย์ และแอลจี ดิสเพลย์ ถอนตัวจากธุรกิจแผงทีวีแอลซีดีในปี 2566 ทำให้ผู้ผลิตทีวีของเกาหลีใต้ ซึ่งปกติเป็นผู้ซื้อแผงที่มีอำนาจมากที่สุดในตลาด เผชิญกับความยากลำบากเมื่อต้องเจรจากับซัพพลายเออร์แผงภายนอก
หยาง กล่าวว่า สัดส่วนการซื้อแผงทีวีแอลซีดีน่าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่ความเคลื่อนไหวทางการแข่งขันของผู้ผลิตทีวีทั่วโลกก็เปลี่ยนไปตามกัน ขณะเดียวกันทั่วโลกก็เจอกับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับแบรนด์ทีวีระดับพรีเมียมทั่วโลก