แอสโทร เอ็น7 ผสานรวมเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ท็อปคอน 3.0 (TOPCon 3.0) กำลังการผลิตโมดูล และความรู้ลึกเกี่ยวกับตลาดของแอสโทรเนอร์จี หัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ใหม่คือเทคโนโลยีท็อปคอน 3.0 ที่พัฒนาขึ้นโดยอิสระ พร้อมด้วยเทคโนโลยีเซลล์โบรอน-แอลดีเอสอี (Boron-LDSE) และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอื่น ๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของเซลล์ที่ผลิตในปริมาณมากสูงถึง 25.6% และประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของเซลล์ที่ผลิตนำร่องสูงถึง 26.0%
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ยังประกอบด้วยซิลิคอนเวเฟอร์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าเวเฟอร์เอ็ม10 (M10) ขนาด 182 มม. ที่โมดูลแอสโทร เอ็น5 (ASTRO N5) ใช้มาก่อนหน้านี้ ด้วยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น 5.12% และเทคโนโลยีท็อปคอน 3.0 ส่งผลให้กำลังของเซลล์เดี่ยวเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เซลล์ PERC ตัวหลัก ๆ ในตลาด
ในกระบวนการผลิตโมดูลแอสโทร เอ็น7 นั้น แอสโทรเนอร์จีได้ใช้เทคโนโลยีกระบวนการเซลล์ SMBB รวมถึงใช้กระจกส่งผ่านแสงสูงและฟิล์มเปลี่ยนทิศทางแสง (สำหรับรุ่นกระจกสองชั้น) เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในแทบทุกสภาพการใช้งาน
แอสโทร เอ็น7 มีการรับประกันผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 12 ปี และรับประกันผลผลิตไฟฟ้า 30 ปี ส่วนอัตราการเสื่อมสภาพในปีแรกต่ำกว่า 1% อย่างมาก ขณะที่อัตราการเสื่อมสภาพต่อปีในปีที่ 2 ถึงปีที่ 30 ก็ต่ำกว่า 0.4%
เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่อัปเกรดใหม่นี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าและประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่มีต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยปรับเฉลี่ย (LCOE) ลดลง ส่วนค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิของแอสโทร เอ็น7 ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นสู่ระดับ -0.29% ต่อองศาเซลเซียล และในแง่ของอุณหภูมิในการทำงาน, ค่าประสิทธิภาพสองหน้า (bifaciality), การเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสง (LID), การเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสงและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง (LeTID) และปริมาณรังสีนั้น แอสโทร เอ็น7 ยังคงมีประสิทธิภาพที่ดีเช่นเดียวกับรุ่นแอสโทร เอ็น5