งาน ABA 2023 จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเฉลิมฉลองความสำเร็จของธุรกิจ วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) และบุคคลทั่วไปภายในอาเซียน อีกทั้งยังแสดงความมุ่งมั่นและการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึง MSME และบุคคลทั่วไป เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้า นวัตกรรม ความเสมอภาค ศูนย์กลาง และการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาค การลงทะเบียนสำหรับงาน ABA 2023 เปิดให้ลงทะเบียนแล้วไปจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aseanbacindonesia.id
งาน ABA 2023 ประกอบด้วย 8 รางวัลหลัก แบ่งเป็น 5 รางวัลสำหรับองค์กรขนาดใหญ่และ MSME และ 3 รางวัลสำหรับผู้เข้าร่วมรายบุคคล โดยรวมแล้วมี 13 ประเภทรางวัลซึ่งครอบคลุมภาคส่วนและสาขาต่าง ๆ
รางวัลหลัก 5 รางวัลสำหรับองค์กรขนาดใหญ่และ MSME ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัล (Digital Transformation), การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development), ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security), ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Resilience) และความสะดวกทางการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Facilities) โดยรางวัลหลักเหล่านี้จะแยกเป็นรางวัล 10 ประเภท เช่น บริษัทชีวจักรกล (The Bionic Company), ประสบการณ์ลูกค้ายอดเยี่ยม (The Best Customer Experience), ผู้นำเน็ต ซีโร (Net-Zero Leader), การจัดการขยะพลาสติกแบบหมุนเวียน (Plastic Waste Circularity), การผลิตเกษตรกรรมแบบยั่งยืน (Sustainable Crop Production), เทคโนโลยีเกษตรกรรมแบบยั่งยืน (Tech for Sustainable Agriculture), นวัตกรรมด้านสุขภาพ (Health Innovation), ความสำเร็จด้านสุขภาพระดับองค์กร (Corporate Health Achievement), การเติบด้านการส่งออก (Export Growth) และการลงทุนเชิงนวัตกรรม (Innovative Investment)
นอกจากนี้ รางวัลรายบุคคลยังมี 3 ประเภทรางวัล ได้แก่ สตรี (Women), เยาวชน (Youth) และเพื่อนของอาเซียน (Friends of ASEAN) โดยแต่ละประเภทมีรางวัลเฉพาะ ได้แก่ ผู้นำสตรีอาเซียน (ASEAN Women Leader) อาเซียนอายุต่ำกว่า 40 ปี (ASEAN Under 40) และเพื่อนของอาเซียน
บริษัทขนาดใหญ่ที่มีสิทธิ์ได้รับรางวัลต้องจดทะเบียนในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน มีประเทศสมาชิกอาเซียนถือหุ้นอย่างน้อย 50% ดำเนินธุรกิจในประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างน้อย 2 ประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน ธุรกิจ MSME จะต้องมีประเทศสมาชิกอาเซียนถือหุ้นอย่างน้อย 50% ดำเนินธุรกิจเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีในประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างน้อย 1 ประเทศ และมีรายได้ต่อปีไม่ถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ