เกิดเหตุเรือผู้อพยพล่มในทะเลห่างประมาณ 80 กิโลเมตรจากชายฝั่งเมืองไพลอสทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรีซเมื่อวันพุธ (14 มิ.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียอย่างน้อย 79 ราย และผู้มีสูญหายอีกหลายร้อยราย โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งช่วยผู้รอดชีวิตได้แล้วกว่า 100 ราย ซึ่งนับเป็นเหตุโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับผู้อพยพที่เลวร้ายที่สุดของกรีซ และทางการได้ประกาศไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ผู้อพยพหลายร้อยชีวิตโดยสารมาในเรือประมง ซึ่งคาดว่ามาจากลิเบียและมุ่งหน้าไปยังอิตาลี โดยผู้อพยพส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มอายุราว 20 ปีกว่าและได้เดินทางมาหลายวันแล้ว ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เรือสินค้าของมอลตาพบเห็นเรือของพวกเขาในช่วงบ่ายวันอังคาร (13 มิ.ย.) และได้มอบอาหารกับน้ำดื่มให้
เจ้าหน้าที่ยามฝั่งของกรีซกล่าวว่า เครื่องบินของสำนักงานป้องกันชายแดนและชายฝั่งยุโรป (Frontex) พบเห็นเรือดังกล่าวในน่านน้ำสากลในช่วงกลางดึกของวันอังคาร ซึ่งคนบนเรือไม่มีใครสวมเสื้อชูชีพแม้แต่คนเดียว ขณะที่กระทรวงการขนส่งของกรีซได้ติดต่อไปยังคนบนเรือด้วยโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมเพื่อเสนอความช่วยเหลือหลายครั้ง แต่ได้รับคำตอบกลับมาซ้ำ ๆ ว่า "พวกเราไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น นอกจากการไปให้ถึงอิตาลี"
กระทั่งหลายชั่วโมงต่อมา ในเวลาประมาณ 01.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ คนบนเรือบางส่วนได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ยามฝั่งของกรีซว่าเครื่องยนต์เรือขัดข้อง และไม่นานหลังจากนั้น เรือก็ล่มและจมลงน้ำหายไปทั้งลำภายในระยะเวลา 10-15 นาที โดยทางการกรีซได้เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือในทันที แต่การกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากมีกระแสลมแรง