คณะกรรมการความปลอดภัยของสภาแห่งรัฐจีนและเทศบาลกรุงปักกิ่งได้จัดการประชุมทางไกลฉุกเฉินในวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) เพื่อหารือกันในประเด็นเหตุเพลิงไหม้รุนแรง และการสร้างความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุการณ์แก๊สระเบิดในร้านบาร์บีคิวในเมืองอิ๋นชวนของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 31 รายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทางด้านกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้ออกหนังสือเวียนฉุกเฉิน เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นทั้งหมดดำเนินการตรวจสอบ "อันตรายที่ซ่อนเร้น" และเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลและการตรวจสอบ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เกิดเหตุแก๊สระเบิดในร้านบาร์บีคิวแห่งหนึ่งในเมืองอิ๋นชวน ในเขตปกครองตนเองหนิงชย่าหุยเมื่อเวลาประมาณ 20.40 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันพุธ (21 มิ.ย.) โดยมีสาเหตุมาจากการรั่วไหลของก๊าซปิโตรเลียมเหลว เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย และผลักดันให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว
ส่วนในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงพยาบาลปักกิ่งฉางเฟิง (Beijing Changfeng Hospital) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 29 ราย โดยภาพวิดีโอที่มีการเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นว่า มีควันสีดำหนาทึบพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และประชาชนที่ติดอยู่ในอาคารสูงหลายชั้นได้นำผ้าปูเตียงมามัดเป็นเชือกและโรยตัวหนีออกจากอาคารผ่านทางหน้าต่าง ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนหนึ่งหนีเอาตัวรอดด้วยการพยายามเอามือเกาะคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศที่ตั้งอยู่ด้านนอกของตัวอาคาร
ทั้งนี้ หลังจากการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ นายอิน หย่ง นายกเทศมนตรีกรุงปักกิ่งย้ำว่า ทุกฝ่ายจะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้รุนแรง
เหตุการณ์แก๊สและเคมีระเบิดเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศจีน แม้ว่าทางการจีนใช้ความพยายามหลายปีในการปรับปรุงระบบความปลอดภัยก็ตาม โดยในปี 2558 ได้เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งในเมืองเทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตอนเหนือของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 173 ราย