เกิดเหตุกลุ่มผู้ประท้วงยิงพลุใส่ตำรวจและจุดไฟเผารถไปหลายคันในเมืองน็องแตร์ ย่านชานเมืองของกรุงปารีส เป็นคืนที่สองติดต่อกัน เพื่อประท้วงกรณีที่วัยรุ่นชายอายุ 17 ปีรายหนึ่งถูกตำรวจฝรั่งเศสยิงเสียชีวิตขณะโดนเรียกให้หยุดรถ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ช่วงก่อนเที่ยงคืนของเมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) พบรถยนต์หลายคันหงายท้องและถูกเผาตามริมถนนแอเวนู ปาโบล ปิกาโซ ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ประท้วงก็ได้ยิงพลุไฟใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านโฆษกตำรวจกล่าวว่า เกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ประท้วงในหลายพื้นที่ ทั้งในเมืองลีลทางตอนเหนือและตูลูซทางตะวันตกเฉียงใต้ ตลอดจนในเมืองอาเมียง, ดีฌง และในจังหวัดเอซอน
การประท้วงมีขึ้นหลังจากที่มีคลิปวิดีโอแชร์กันทางโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ราย ยืนอยู่ข้างรถเมอร์เซเดส เอเอ็มจี โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งยิงปืนใส่คนขับในระยะใกล้ขณะที่เขาขับรถหนีออกไป ต่อมาอัยการท้องถิ่นยืนยันว่า คนขับเสียชีวิตจากพิษบาดแผลได้ไม่นาน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ก่อเหตุกำลังถูกสอบสวนในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา โดยอัยการกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางในการสั่งหยุดรถ
"มีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าชายหนุ่มอายุ 17 ปี เห็นได้ชัดว่าการยิงดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย" นายยัสซีน บูซรู ทนายความของครอบครัวผู้เสียชีวิตกล่าว
นายบูซรูกล่าวว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาฆาตกรรม สมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรม และให้การเท็จ
อนึ่ง กรณีตำรวจใช้อาวุธสังหารชายคนดังกล่าว ทราบภายหลังว่าชื่อนายนาเฮล เป็นชาวฝรั่งเศส-อัลจีเรีย ยิ่งกระพือภาพลักษณ์ความโหดเหี้ยมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในแถบชานเมืองในเมืองใหญ่ ๆ ของฝรั่งเศสที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน
ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวถึงเหตุสังหารครั้งนี้ว่า "ไม่สามารถอธิบายได้และไม่สามารถให้อภัยได้"
อนึ่ง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า เหตุสังหารดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร (27 มิ.ย.) นับเป็นกรณีการยิงจนถึงแก่ความตายระหว่างการเรียกให้หยุดรถเป็นครั้งที่ 3 ในฝรั่งเศสในปีนี้ โดยเมื่อปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวถึง 13 ครั้งด้วยกัน