เอ็มเอเอส โฮลดิงส์ (MAS Holdings)กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและการผลิตเครื่องแต่งกายและสิ่งทอซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในศรีลังกาและทำธุรกิจใน 16 ประเทศ เข้าถือหุ้นในไฮคิว อิออนิค (HeiQ AeoniQ(TM)) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มแพลน ฟอร์ เชนจ์ (Plan for Change) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเส้นใยยาว (filament fiber) เซลลูโลสแบบใหม่ เพื่อทดแทนโพลีเอสเตอร์และไนลอน
ไฮคิว (HeiQ)จากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมวัสดุ ส่วนเอ็มเอเอส โฮลดิงส์เป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและการผลิตเครื่องแต่งกายและสิ่งทอระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในศรีลังกา และเป็นผู้ผลิตเครื่องแต่งกายและสิ่งทอรายใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้ด้วยมูลค่าการซื้อขายประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันให้เอ็มเอเอสเข้ามาถือหุ้นในไฮคิว อิออนิค จีเอ็มบีเอช (HeiQ AeoniQ GmbH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไฮคิว กรุ๊ป (HeiQ Group) ซึ่งจะผลิตเส้นใยเซลลูโลสที่เป็นมิตรกับสภาพอากาศอย่างไฮคิว อิออนิค
คาร์โล เชนตอนเซ ซีอีโอกลุ่มบริษัทไฮคิวกล่าวว่า นับตั้งแต่ที่เริ่มต้น ไฮคิวได้บุกเบิกนวัตกรรมสิ่งทอ โดยปฏิวัติการทำงานอย่างยั่งยืน และยกระดับชีวิตผู้คนนับพันล้าน ปัจจุบัน เราได้เปิดตัวไฮคิว อิออนิค เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ได้ชื่อว่าก่อมลพิษมากเป็นอันดับสองของโลกมาอย่างยาวนาน การลงทุนและสัญญารับซื้อผลิตภัณฑ์ของเอ็มเอเอสเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ผู้เล่นในห่วงโซ่คุณค่าในภาคสิ่งทอต่างยอมรับว่า ไฮคิว อิออนิค เป็นผู้เปลี่ยนเกมขั้นสูงสุด โดยวางใจในพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ทั้งยังเป็นผลจากความเชื่อมั่นที่สั่งสมมานานกว่าทศวรรษตลอดระยะเวลาที่ไฮคิวและเอ็มเอเอสได้ทำธุรกิจร่วมกัน
ซูเรน เฟอร์นานโด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเอ็มเอเอส โฮลดิงส์กล่าวเสริมว่า เอ็มเอเอสสร้างขึ้นจากความเชื่อในการทำสิ่งที่ถูกต้อง เราเป็นองค์กรระดับโลกที่เลี้ยงดูบุคลากรมากกว่า 100,000 คน เราเชื่อมั่นในความรับผิดชอบของเรา ในการใช้โซลูชันผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกภายในอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย เราเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในความพยายามของเรา เพื่อปรับโฉมอุตสาหกรรมของเราด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และขนาด และเมื่อมีไฮคิว อิออนิค เป็นตัวกระตุ้นหลักแล้ว เราพร้อมที่จะปูทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
การลงทุนครั้งนี้ทำให้เอ็มเอเอส โฮลดิงส์ กลายเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ร่วมมือกับไฮคิว อิออนิค เพื่อสำรวจหาทางเลือกที่ยั่งยืนแทนการใช้โพลีเอสเตอร์และไนลอน การลงทุนที่ดำเนินการโดยเอ็มเอเอส โฮลดิงส์ เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัท เพื่อผลักดันผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยเอ็มเอเอส แพลน ฟอร์ เชนจ์ ตั้งเป้าให้รายได้ 50% ของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนภายในปี 2568 ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมสิ่งทอโดยมุ่งคิดค้นนวัตกรรม จัดหาอย่างยั่งยืน และบุกเบิกหมุนเวียนในวงกว้าง